ห่างหายการรีวิวโรงแรมในต่างประเทศไปสักพัก นึกได้ว่ายังมีรีวิวโรงแรมที่เข้าพักจากทริปญี่ปุ่นเมื่อต้นปี 2020
ดังนั้นรีวิวนี้อาจจะไม่ได้อัพเดทแบบล่าสุดจริงๆ เพราะช่วงโควิดทำให้เราเว้นระยะรีวิวพวกโรงแรมร้านอาหารตปท.ไปเยอะ
ถือว่าเป็นการรีวิวภาพรวม ห้องพัก ห้องอาหาร และความสะดวกสบายรอบๆ โรงแรมแล้วกันนะคะ
ไม่อนุญาตให้นำรูปภาพและเนื้อหาทั้งหมดภายในเว็บไซต์ไปดัดแปลง ทำซ้ำ หรือเผยแพร่ต่อโดยเด็ดขาด
Best Western Plus Fino Osaka Kitahama เป็นโรงแรมระดับ 3 ดาวที่เราเลือกพักตอนไปทริปโอซาก้าค่ะ
จองพร้อมราคาตั๋วเครื่องบินจาก Expedia ไปเป็นแบบแพคเกจ เลยไม่แน่ใจว่าราคาต่อคืนที่ได้เป็นเท่าไหร่
แต่เช็คล่าสุดจากเว็บไซต์จองโรงแรม เฉลี่ยแล้วเริ่มต้นตกคืนละไม่เกิน 1,200-1,500 บาท แล้วแต่ช่วง (ไม่รวมอาหารเช้า)
สำหรับเราถือว่าราคาดีมากเมื่อเทียบกับขนาดห้องพักที่ได้มาตรฐานโรงแรมเครือ ทำเลที่ตั้ง และการบริการ
ช่วงนี้ญี่ปุ่นเริ่มเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวบางประเภทแล้ว เลยคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ให้คนที่อยากไปเที่ยวโอซาก้า
เพราะส่วนตัวเราประทับใจที่นี่มากค่ะ และคิดว่าในอนาคตถ้าได้กลับไปโอซาก้าก็คงจะพักที่นี่อีก ไม่หาที่อื่นแน่นอน 🙂
การเดินทางจากสนามบินคันไซ (KIX) มายังโรงแรม เราเริ่มที่นั่งรถไฟด่วนพิเศษ Nankai Airport Express เข้าเมืองโอซาก้า ลงที่สถานี Namba > ต่อซับเวย์สายสีชมพูมาลงสถานี Nipponbashi > แล้วนั่งต่อซับเวย์สายสีน้ำตาลมาลงสถานี Kitahama เดินต่อจากสถานีมาประมาณ 3 นาทีก็ถึงหน้าโรงแรมแล้ว ถือว่าใกล้และสะดวกมากๆ ค่ะสำหรับเรา
ต้องบอกก่อนว่าย่าน Kitahama ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงแรม จะไม่ได้อยู่ในแหล่งช็อปปิงที่อู่ฟู่ หรือว่ามีร้านค้า ร้านอาหารเรียงรายนะคะ ย่านนี้ค่อนข้างสงบเงียบ มีตึกออฟฟิศ ตึกสูงๆ เยอะค่ะ คิตาฮามะเป็นย่านศูนย์กลางการเงินและการธนาคารดั้งเดิมของโอซาก้า ผู้คนละแวกนี้ส่วนมากเป็นพนักงานออฟฟิศซะเยอะ เป็นย่านธุรกิจมากกว่าท่องเที่ยวค่ะ แต่ส่วนตัวเราไม่มีปัญหาเลย เพราะไม่ชอบคนเยอะพลุกพล่านอยู่แล้ว แต่ถ้าใครที่ชอบช็อปปิง ชอบความคึกคักยามค่ำคืนอาจจะต้องผ่านโรงแรมนี้ไปค่ะ ไม่ตอบโจทย์คนที่ชอบแสงสีเสียงแน่นอน
หน้าโรงแรมอยู่ไม่ไกลจากสถานี Kitahama ทางออก 1B ค่ะ (ทางออกนี้มีลิฟต์ ไม่ต้องห่วงเรื่องกระเป๋าเดินทางเลย) เดินจากทางออก 1B แค่ 120 เมตรก็เจอกับโรงแรมแล้ว ตัวตึกดูใหม่มาก ไม่ต้องเดินเข้าซอยลึกด้วยค่ะ ตัวโรงแรมตั้งอยู่ต้นๆซอย
(FYI: ตอนเราเข้าพักช่วงก.พ. 2020 นะคะ โรงแรมเปิดปี 2019 ค่ะ)
เข้ามาด้านในก็จะเจอกับล็อบบี้ค่ะ มีพื้นที่ให้นั่งพัก นั่งคุย หรือรอเวลาเช็คอินได้ค่ะ ตอนเราไปถึงค่อนข้างเช้า พนักงานบอกห้องพักได้ตอนหลังเที่ยง เราเลยฝากกระเป๋าไว้แล้วไปหาอะไรกิน โรงแรมไม่มีค่าประกันค่ะ ถ้าจ่ายเต็มมาแล้วก็รอรับกุญแจขึ้นห้องได้เลย
บรรยากาศรอบๆ ล็อบบี้ มีตู้แลกเงินอัตโนมัติด้วย
ลิฟต์ของโรงแรมมี 2 ตัวค่ะ ชั้นทั้งหมดมี 14 ชั้น และใต้ดินอีก 1 ชั้น
เราได้คีย์การ์ดหลังจากกลับมาตอนเที่ยงพอดี พนักงานที่ฟรอนท์น่ารักมาก บอกว่าเอากระเป๋าเดินทางที่ฝากไว้ขึ้นไปรอบนห้องเรียบร้อยแล้ว ประทับใจการบริการของคนญี่ปุ่นจริงๆ ค่ะ จริงๆ เวลาเช็คอินคือบ่ายสามด้วย แต่เราเป็นสมาชิกในเครือของ Best Western เลยได้สิทธิ์เช็คอินก่อนเวลาค่ะ
เราได้พักชั้น 7 ห้องเบอร์ 703 เข้าเช็คอินตอนแม่บ้านกำลังทำห้องอื่นอยู่พอดีเลย
เข้าห้องมา เจออย่างแรกเลยคือราวแขวนที่ขัดรองเท้า ตัวช่วยใส่รองเท้า สลิปเปอร์ใส่ในห้อง และสเปรย์ดับกลิ่น
ถัดมาก็เจอเตียงนอนค่ะ เป็นเตียงควีนไซส์ที่ค่อนข้างใหญ่ถ้าเทียบกับโรงแรมในญี่ปุ่นอื่นๆ ที่เคยหาข้อมูลมาค่ะ นอนสบายมากๆ หมอนนุ่ม ฟูกนุ่มสบาย ทำให้การกลับจากไปเที่ยวแต่ละวันของเราแฮปปี้ขึ้นเยอะเพราะรู้ว่าจะได้กลับมานอนเตียงนุ่มๆ ยิ่งเป็นมนุษย์ปวดหลังด้วยแล้ว เราว่าเตียงสำคัญมากๆ ที่ทำให้การเที่ยวราบรื่น เพราะต้องนอนตั้งหลายคืน ถ้านอนไม่สบาย เช้าวันถัดไปคงหมดอารมณ์จะเที่ยว 55555
โต๊ะข้างเตียงเป็นนาฬิกา โทรศัพท์ และกระดาษปากกาสำหรับจดนั่นนี่
ทีวีแขวนอยู่ที่ผนังด้านข้างค่ะ มีเก้าอี้นั่งเล่นให้ด้วยหนึ่งตัว แต่ไม่ค่อยได้นั่ง เอาไว้วางของมากกว่า
สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ในห้องพัก ไดร์เป่าผม แท็ปเล็ตสำหรับแนะนำร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว และพวก facilities ของโรงแรมก็อยู่ในแท็ปเล็ตนี้ค่ะ มีผ้าคลุมอาบน้ำกับเครื่องฟอกอากาศให้ด้วยนะ
ตู้เย็นมินิกับพวกชา-กาแฟ เติมให้ทุกวันค่ะ ต่อให้เราไม่กินก็เติมนะ
มีกระจกตั้งโต๊ะแทนโต๊ะเครื่องแป้ง ถึงห้องจะไม่ได้ใหญ่มาก แต่เราว่าไม่อึดอัดนะ อยู่สองคนกำลังดีค่ะ
แอบเปิดม่านส่องด้านนอกให้ดู วิวตรงข้ามเป็นตึกอะไรสักอย่างที่ปิดม่านเกือบทั้งหมด ส่วนถนนด้านล่างเป็นวิวในซอยที่ตั้งโรงแรมค่ะ
ไม้แขวนและราวผ้าจะอยู่หน้าประตูห้องเลย ไม่มีตู้เสื้อผ้าเป็นกิจลักษณะนะคะ
มาที่ห้องน้ำกันบ้าง ขนาดถือว่ากว้างถ้าเทียบกับโรงแรมอื่นๆ ในญี่ปุ่นเลยค่ะ แต่ก็มีอ่างอาบน้ำให้แช่ ซึ่งอ่างใหญ่เลยนะ ไม่ใช่แบบสี่เหลี่ยมแคบๆ
ตัวชักโครกเป็นแบบอัตโนมัติค่ะ ตัวแผงควบคุมน้ำจะอยู่ติดกับกำแพง
Amenities มีทั้งแปรงสีฟัน ยาสีฟัน หวี สำลี คอตตอนบัท ใยขัดตัว เราได้เซ็ตใหม่ทุกวันเลยค่ะ เพราะให้แม่บ้านมาทำความสะอาดทุกวัน
พวกสบู่ แชมพู ครีมนวดจะอยู่ในขวดแบบนี้เลย หอมมากๆ ของคุณภาพดี
มาดู Facilities ในโรงแรมบ้าง ในชั้นห้องพักจะมีตู้กดน้ำหยอดเหรียญไว้ให้ แล้วก็มีตู้กดน้ำแข็งให้บริการฟรีด้วยค่ะ สายชอบน้ำแข็งแบบเราถูกใจมากจริงๆ กดกินทุกเช้าค่ำเลยค่ะ ไม่ต้องเสียเงินซื้อด้วย (ตู้กดน้ำแข็งอาจจะไม่ได้มีทุกชั้นนะคะ แต่แขกโรงแรมสามารถขึ้นลงลิฟต์ไปใช้บริการได้ทุกชั้นค่ะ แต่เราพักชั้น 7 มีตู้น้ำแข็งค่า)
ถึงโรงแรมจะขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ก็ยังมีห้องออกกำลังกายไว้ให้ด้วยค่ะ มีเครื่องเล่นจำกัดตามภาพ
มีห้องซักผ้าด้วยค่ะ เป็นเครื่องที่ซักและอบได้เลย ค่าบริการซักต่อครั้งอยู่ที่ 300 เยน ส่วนซักและอบอยู่ที่ 400 เยน ซักและอบรวม 90 นาที / 500 เยน ซักและอบรวม 120 นาที ถ้าอบอย่างเดียว 100 เยน อบได้ 30 นาทีค่ะ เราว่ามันดีมากที่มีส่วนนี้ให้ เพราะส่วนตัวไปหลายคืน ถ้าจะให้แบกเสื้อผ้าสกปรกกลับไทยเยอะๆ ก็เปลืองพื้นที่ในกระเป๋ามาก อันนี้เตรียมเสื้อผ้าที่ใส่ไปประมาณหนึ่ง เอาไปซักและอบได้ วนใส่ได้อีกในทริป ประหยัดพื้นที่ในกระเป๋าเดินทาง แถมไม่ต้องแบกเสื้อผ้ากลับมาซักที่ไทยด้วย
มารีวิวอาหารเช้ากันบ้าง ห้องอาหารที่นี่อยู่ชั้น B1 นะคะ เราจองมาแบบไม่รวมอาหารเช้า เพราะถ้าราคารวมอาหารเช้าทุกวันคือแพงขึ้นอีกเท่าตัวเลย แล้วเราก็เน้นเที่ยวสายด้วยค่ะ ส่วนใหญ่ตื่นก็สิบโมง ออกจากโรงแรมสิบเอ็ดโมงงี้ 55555 ก็เลยจองแบบไม่รวมอาหารเช้ามา แต่มาซื้อเพิ่มในวันที่ต้องออกเช้า คุ้มกว่าค่ะเพราะเลือกกินวันไหนก็ได้ ไม่ต้องซื้อมาทุกวันด้วย
หน้าห้องอาหารจะบอกเวลาเปิด-ปิดอาหารเช้าไว้ชัดเจนเลยค่ะ ถ้าไม่ได้ซื้อรวมอาหารเช้ามา เราจะต้องขึ้นไปชำระเงินค่าอาหารเช้าบนฟรอนท์ก่อนนะ ถึงจะลงมากินได้ค่า ราคาอาหารเช้าต่อคนคือ 1,500 เยน (ประมาณ 450 บาท)
ไลน์อาหารเป็นบุฟเฟต์ คุณภาพอาหารคือดีงาม อร่อยแทบทุกอย่าง ตัวเลือกอาจจะไม่ได้หลากหลายนะคะเพราะโรงแรมเล็กๆ แต่เราว่ารสชาติคือดีเลย ไส้กรอก ทาโกยากิ ไข่คน ปลาย่างคืออร่อยมากกกก
ชอบทาโกยากิของโรงแรมมาก อร่อยกว่าบางร้านที่ขายในแหล่งท่องเที่ยวอีกกก พวกพาสต้า ขนมปังไรงี้ก็คือดีค่ะ
เครื่องดื่มมีนม น้ำส้ม น้ำผลไม้ แล้วก็พวกซีเรียล กราโนล่า มีให้เลือก 3 ชนิดค่ะ ซุปมีมิโสะกับซุปครีมข้าวโพด ซุปข้าวโพดอร่อยแสงออกปาก ชอบมากกกกก
นอกจากมีนมให้กินกับพวกคอนเฟลกแล้ว ก็ยังมีโยเกิร์ต แล้วก็ซอสผลไม้ด้วยนะ
สรุปมื้อนี้กะว่าจะกินแบบรองท้องก่อนนั่งรถไฟไปเที่ยวเกียวโต กลายเป็นว่าเป็นมื้อเช้าจุกๆ เลยค่ะ มื้อเช้าที่อิ่มที่สุดในทั้งทริปแล้ว อร่อยถูกปากจริงๆ 55555
ปิดท้ายด้วยภาพแฟมิลี่มาร์ทที่อยู่ใกล้กับสถานี Kitahama ทางออก 1B ค่ะ ใช่แล้ว เราจะต้องเดินผ่านแฟมิลี่มาร์ททุกวันเวลาเดินมาสถานีรถไฟใต้ดิน สาขาตรงนี้ใหญ่มากๆ ทั้งขนมหวาน อาหารกล่อง ข้าวปั้นสำเร็จรูปต่างๆ มีให้เลือกเยอะมากกกกก บอกเลยว่าไม่มีคืนไหนไม่แวะก่อนกลับโรงแรมค่ะ คือแวะทุกคืน 55555 สะดวกสบายสุดๆ
จริงๆ แถวโรงแรมก็ไม่ใช่ว่าไม่มีร้านอาหารเลยนะคะ มีเบอร์เกอร์ร้านดังอย่าง Mos Burger อยู่หน้าปากซอยโรงแรมด้วย แล้วก็ยังมีร้านยากินิคุอร่อยๆ แบบเดินไปได้ ฝั่งตรงข้ามโรงแรมก็มีซอยที่มีร้านอิซากายะเยอะแยะ แถมในสถานี Kitahama ก็มีโซนร้านอาหารใต้สถานีรถไฟใต้ดินรวมกันอยู่หลายร้าน ราคาไม่แพง รสชาติอร่อยๆ เยอะด้วยนะคะ เราว่าที่นี่เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่ไม่ได้ต้องการความวุ่นวายในย่านช็อปปิง เพราะย่านนี้กลางคืนเงียบสงบ ปลอดภัย แต่ก็ยังมีความสะดวกสบายอยู่ ไม่ใช่ว่าเงียบจนดูเปลี่ยวหรือร้างคน
Tips เพิ่มเติมของการพักย่านนี้ สำหรับคนที่ต้องการไปเที่ยวเกียวโต จากสถานี Kitahama เราสามารถนั่งรถไฟสาย Keihan Main Line ต่อเดียวจากโอซาก้าไปยังเกียวโตได้เลย ไม่ต้องไปเปลี่ยนสายหรือต่อรถไฟสายอื่นให้ปวดหัวค่ะ เราเองก็ใช้คันไซพาสนั่งไปรวดเดียวถึงเกียวโตเลยเหมือนกัน ซึ่งคนส่วนใหญ่จะไปนั่ง JR Line มากกว่า แต่ถ้าไปจาก Kitahama เลือกเป็น Keihan Main Line ประหยัดเวลาแล้วก็สะดวกในการเดินทางมากกว่าด้วยนะคะ
Best Western Plus Fino Osaka Kitahama
ที่อยู่: 1 Chome-7-17 Imabashi, Chuo Ward, Osaka, 541-0042, Japan
เบอร์โทรศัพท์: +81 6-4706-8800
เว็บไซต์: CLICK
เนื้อหาทั้งหมดในโพสต์นี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของเราเท่านั้น หากมีข้อผิดพลาดใดๆ ต้องขออภัยด้วยค่ะ
ติดตามรีวิวร้านอาหาร ของกิน ที่เที่ยว ที่พัก และไลฟ์สไตล์อื่นๆ ได้ที่ facebook.com/twinklebabystyle นะคะ ❤️
Disclaimer: This post is NOT sponsored. All opinions are my own.