รีวิวสายการบิน EVA AIR อัพเดทปี 2023 รูทบิน BKK-TPE ชั้นประหยัด มีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง?

ทริปไปไทเปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา เราเลือกกลับไปใช้บริการสายการบิน EVA Air อีกครั้งหลังจากที่เมื่อปี 2019 เคยบินไปไทเปด้วย BR มาแล้วรอบนึง (คลิกอ่านรีวิวปี 2019) ถึงจะเคยบ่นเรื่องการเช็คอินที่จัดการไม่ดีไปเมื่อครั้งก่อนตอนขาออกจากสุวรรณภูมิ แต่ก็รู้สึกประทับใจกับการบริการบนเครื่อง อาหาร ลูกเรือ และการจัดการฝั่งไทเปค่ะ ซื้อใจกลับมาได้เลยได้เสียเงินให้อีวีเออีกรอบในปีนี้

ไม่อนุญาตให้นำรูปภาพและเนื้อหาทั้งหมดภายในเว็บไซต์ไปดัดแปลง ทำซ้ำ หรือเผยแพร่ต่อโดยเด็ดขาด

ทริปไต้หวันต้นปีนี้ถือเป็นการออกนอกประเทศครั้งแรกหลังจาก Covid-19 ของเรากับแฟน ค่อนข้างตื่นเต้นกับการเดินทางมากเพราะไม่ได้บินไปไหนมากว่าสามปีเต็ม ก่อนบินก็เตรียมตัวอย่างดีเหมือนเดิมค่ะ ไปรอที่สนามบินก่อนเคาน์เตอร์เช็คอินเปิดเกือบ 5 ชั่วโมงเพราะครั้งก่อนเข็ดกับการที่เจ้าหน้าที่ปล่อยให้คนรวมแถวกันแม้ว่าเราจะเช็คอินออนไลน์มาแล้วก็ตาม แต่คราวนี้ผิดคาดเพราะที่หน้าเคาน์เตอร์เค้าจัดการแยกแถวสำหรับ Bag Drop และ เช็คอินปกติแล้ว ทำให้คิวสั้นลงเยอะ ไม่เหมือนครั้งก่อนที่เราหงุดหงิดมากค่ะ รอบนี้เลยยิ้มหน้าบานสบายใจ

ปีนี้เป็นทริปช่วงเดือนก.พ.ค่ะ เราซื้อตั๋วเครื่องบิน+โรงแรมเป็นแพ็คเกจจากเว็บ Expedia ค่ะ เลยจะไม่มีเป็นราคาตั๋วที่แน่ชัดว่าเท่าไหร่ต่อคน แต่สายการบินนี้เป็นสายการบินของไต้หวัน มีรอบบินตรงกรุงเทพ-ไทเปทุกวัน ราคาโปรก็ออกมาเรื่อยๆ ค่ะ แนะนำให้เช็คบ่อยๆ วันต่อวันจนกว่าจะได้ราคาที่พอใจได้เลย สำหรับเราถ้าอยู่ที่ประมาณ 8-9 พันบาท (ไป-กลับ) ถือว่าได้ราคาดีแล้วในระยะช่วงปีนี้


เริ่มกันที่เคาน์เตอร์เช็คอินสุวรรณภูมิเช่นเดิม อย่างแรกเลยที่เปลี่ยนไปจากตอนปี 2019 ก็คือการจัดระเบียบของฝั่งภาคพื้นที่ดีขึ้นกว่ารีวิวครั้งก่อนมาก มีการแยกแถวสำหรับคนที่เช็คอินออนไลน์มาก่อนแล้ว (ครั้งก่อนเจ้าหน้าที่ให้เราไปต่อคิวรวมกับผู้โดยสารแบบกรุ๊ปและธรรมดาค่ะ เสียเวลาเกือบสองชั่วโมงกว่าจะได้บอร์ดิงพาส) แต่รอบนี้ไม่ต้องรอนานเลย เข้าไปแบ็คดรอปอย่างเดียวเพราะเราเช็คอินล่วงหน้ามาแล้ว สามารถเข้าไปต่อแถว Bag Drop ได้เลย แฮปปี้มาก

เคาน์เตอร์สำหรับแบ็คดรอปจะเป็นป้ายสีส้มแบบนี้เลยค่า น้ำหนักกระเป๋าโหลดใต้เครื่องได้คนละ 23 กิโลกรัมต่อกระเป๋า 1 ใบ และถือแคร์รีออนได้อีก 7 กิโลกรัมค่ะ

ตัดวาร์ปมาบนเครื่องเลยนะคะ เพราะช่วงเวลารอบอร์ดิงก็ปกติตามขั้นตอนเลย ไม่มีดีเลย์หรือล่าช้าค่ะ รอบนี้เราบินกันด้วยเครื่อง Boeing787-10 ที่นั่งแบบ 3-3-3 ไฟลท์ BR62 เวลาเครื่องออก 12.00 น. (เที่ยงตรง) เวลาบิน 3 ชั่วโมง 35 นาที ไปถึงไต้หวันก็บ่ายสี่โมงครึ่งค่ะ สำหรับเราเป็นเวลากำลังดี ไม่ต้องเหนื่อยบินดึกๆ เพราะเราไม่ชอบอัดเที่ยวเช้าตั้งแต่วันแรก ถูกใจใช่เลย ไปถึงก็เกือบค่ำ เช็คอินโรงแรมได้ กินข้าวเย็น พักผ่อนสบายๆ

เราจะได้หูฟังและผ้าเช็ดมือแบบนี้แจกค่ะหลังจากขึ้นมานั่งสักพัก หูฟังยังคงความเขียวมินท์น่ารักอยู่เหมือนเดิม

 

จอรุ่นนี้ดูใหม่ ทัชง่ายและลื่นกว่าครั้งก่อนที่บินกับ A330 ค่ะ ตอนนั้นจอรุ่นเก่า สัมผัสยากหน่อย ติดบ้างไม่ติดบ้าง แต่กับ B787 ลำนี้ได้จอใหม่และกว้างกว่าเดิม หนังบนเครื่องมีให้เลือกพอประมาณเช่นเคยค่ะ อัพเดทใหม่ๆ ก็พอมีบ้างแต่ไม่มาก หนังเก่าดังๆ ก็มีให้เลือกค่ะ ไฟลท์กลางวันแบบนี้คนไม่ค่อยนอนกันเท่าไหร่ บินแค่สามชั่วโมงกว่าด้วย กินๆ ดูหนังเรื่องนึงเครื่องก็แลนด์แล้ว

วิวจากบนเครื่อง เรานั่งวินโดว์ซีทฝั่งขวานะคะขาไป ค่อนมาทางท้ายเครื่อง อยู่ห่างจากปีกพอสมควร แถวที่นั่ง 55 ค่ะ

เครื่องไต่ระดับจนสัญญาณรัดเข็มขัดดับ ลูกเรือก็จะเริ่มเดินเตรียมอาหารให้คนที่สั่งจองล่วงหน้าเลยค่ะเพราะ flight time สั้น รอบนี้ขาไปแฟนเราเลือกสั่งอาหารพิเศษแบบซีฟู้ดอีกแล้ว เพราะครั้งก่อนเขาติดใจที่ได้ Seafood Meal แล้วอร่อย คราวนี้ก็ไม่พลาด สำหรับใครที่อยากกินอาหารพิเศษแบบที่เลือกมาก่อน เราสามารถเข้าไปเลือกได้ในการจัดการตั๋วที่เว็บไซต์ของสายการบินนั้นๆ ก่อนเวลาบินประมาณ 24-48 ชั่วโมงค่ะ (สามารถเลือกได้แบบนี้ทุกสายการบินที่เป็น Full Service)

ทาด้าาาา เผยโฉมหน้าของอาหารซีฟู้ดประจำปี 2023 ค่ะ คราวนี้มาเป็นข้าวไรซ์เบอร์รี่กับปลาและซอสแดง รสเปรี้ยวๆ จากมะเขือเทศ อาหารเรียกน้ำย่อยจะเป็นแซลมอนรมควันค่ะ ต่างจากปี 2019 ตอนนั้นได้เป็นพาสต้าทะเลซอสครีม โชคดีที่แฟนเราเป็นคนชอบกินมะเขือเทศมากอยู่แล้วเลยเอนจอยสุด ข้าวไรซ์เบอร์รี่แฟนบอกว่านุ่มอร่อยเลย สมชื่อครัวการบินไทย

ส่วนอาหารของเราที่เลือกบนเครื่องจะเป็นข้าวและกะเพราเนื้อสับ รสชาติกลางๆ ไม่จัดมาก คนไทยกินไม่เผ็ดแน่นอน ให้เนื้อสัตว์เยอะดี อาหารเรียกน้ำย่อยจะคนละแบบกับของซีฟู้ด ของเราได้เป็นกรีกสลัด ใส่เฟตาชีสและกุ้งตัวเล็กๆ กับผลไม้ที่ได้เหมือนกัน

พอเสิร์ฟเสร็จกัปตันก็ปิดไฟและลดความสว่างหน้าต่างให้อัตโนมัติเลย แต่อีกสักพักไม่นานก็แลนด์แล้วค่ะ เครื่องถึงสนามบินเถาหยวนตรงเวลา ไม่มีดีเลย์อะไรให้หงุดหงิดใจเลย เป็นการเดินทางที่ราบรื่นดีมาก

 


มาถึงขากลับกันแล้ว ส่วนตัวเราทำการโหลดกระเป๋าและเช็คอินจากในเมืองมาแล้วนะคะ ซึ่งการทำ In-town Check-in ที่ไทเปนั้นง่ายและสะดวกมาก เราเคยรีวิวไว้แล้วตอนที่บินกับ EVA ตอนปี 2019 คลิกอ่านได้เลย!

ละด้วยความที่เราทำการเช็คกระเป๋าไปแล้วจากในตัวเมือง ทำให้เราเดินทางมาสนามบินเถาหยวนกันแบบตัวปลิวค่ะ มาถึงก็แวะมาที่เคาน์เตอร์ของ EVA AIR เพื่อนำใบที่เราได้จากเจ้าหน้าที่ที่จุดอินทาวน์เช็คอินในเมืองมาให้กับเจ้าหน้าที่กราวด์ให้เขาออก Boarding Pass ให้เรา

เคาน์เตอร์ของ EVA ที่กินพื้นที่สองแถวเต็มๆ ไปเลยเพราะเป็นสายการบินของประเทศอ่ะเนอะ ใครที่ไม่ได้ทำอินทาวน์เช็คอิน ก็ยังสามารถมาเข้าแถวเช็คอินหรือดรอปกระเป๋าได้ที่สนามบินค่ะ คิวโล่งสุดๆ แทบไม่ต้องรอ เจ้าหน้าที่สแตนด์บายพร้อมหลายคนเลย (กรณีเราบินกลับวันธรรมดานะคะ ถ้าวันหยุดเทศกาลหรือติดเสาร์-อาทิตย์ ไม่แน่ใจว่าจะคนโล่งแบบนี้มั้ย)

ขากลับเรากลับด้วย Boeing787-10 โมเดลเดิมเลย ไฟลท์ BR61 เวลาเครื่องออก 22.30 น. และถึงกรุงเทพฯ 01.25 น. (ตีหนึ่งยี่สิบห้า)

ที่นั่งแบบ 3-3-3 เหมือนเดิมเป๊ะค่ะ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ได้หูฟังกับผ้าเช็ดมือเหมือนเดิม

 

มาที่อาหารขากลับกทม. กันบ้าง คราวนี้เราเองที่สั่งซีฟู้ดบ้างเพราะอยากลองอาหารพิเศษฝั่งครัวที่ไต้หวัน ได้เป็นข้าวกับผักและแซลมอนอบ อาหารเรียกน้ำย่อยเป็นคล้ายๆ สลัดปลาหมึกนะคะถ้าจำไม่ผิด มีมะนาวซีกมาให้บีบด้วย แล้วก็ผลไม้ค่ะ

ของแฟนเลือกอาหารบนเครื่อง เป็นข้าวกับไก่ทอดราดซอสเปรี้ยวหวาน รสชาติสไตล์จีน ไม่จัดจ้านมาก กลางๆ ค่ะ

เรียบร้อยแล้วกับรีวิวอัพเดท EVA AIR รูทกรุงเทพ-ไทเป จากที่เคยบินเมื่อปี 2019 ได้กลับมาใช้บริการสายการบินนี้อีกรอบในปี 2023 โดยรวมก็ยังประทับใจในการบริการของลูกเรือทุกคนเหมือนเดิมค่ะ เพิ่มเติมคือการจัดการเรื่องแถวเช็คอินจากทางสุวรรณภูมิที่เป็นไปในทางที่ดีขึ้นจากรอบก่อนที่เราเคยแอบบ่นไว้ พอเห็นอย่างนี้แล้วรู้เลยว่าถ้ามีโอกาสเหมาะๆ อีก บินไปไต้หวันก็คงเลือกจองกับอีวีเอแบบไม่ลังเลแน่นอน เรื่องลูกเรือเราไม่แน่ใจว่าเจอคนไทยบ้างมั้ย เพราะเวลาบินกับสายการบินต่างชาติเราใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักตลอดเวลาอยู่แล้วค่ะ ลูกเรือทุกคนเลยสื่อสารกับเราเป็นอังกฤษทั้งหมด สำหรับเราเรื่องลูกเรือไม่ได้สำคัญอะไรมาก จะไม่มีคนไทยเลยก็ได้ค่ะไม่มีปัญหา แต่ลูกเรือทุกคนน่ารักและบริการดีมากค่ะ ทั้งขาไปและกลับเลย เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เรากลับมาบินกับอีวีเอเลย

เนื้อหาทั้งหมดในโพสต์นี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของเราเท่านั้น หากมีข้อผิดพลาดใดๆ ต้องขออภัยด้วยค่ะ
ติดตามรีวิวร้านอาหาร ของกิน ที่เที่ยว ที่พัก และไลฟ์สไตล์อื่นๆ ได้ที่ facebook.com/twinklebabystyle นะคะ ❤️

Disclaimer: This post is NOT sponsored. All opinions are my own.