หัวหินถือเป็นหนึ่งจุดหมายปลายทางยอดฮิตของคนกทม. ในการไปพักผ่อน เพราะเดินทางไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก แถมโรงแรมที่พักก็มีให้เลือกเยอะแยะมากมาย เราเองก็เป็นคนที่ต้องไปหัวหินทุกปี บางปีไปละสองสามครั้ง สี่ครั้งก็เคยมาแล้ว (พูดงี้ทุกทีที่รีวิวโรงแรมหัวหินเลย 55) พักมาหลายโรงแรม บางปีก็พักที่เดิม ที่ประจำบ้างแล้วแต่ช่วงค่ะ ถ้าเจอโรงแรมใหม่ถูกใจก็จะจอง
รอบล่าสุดที่ไปหัวหิน มีโอกาสได้พักโรงแรมเปิดใหม่อย่าง Maven Stylish Hotel Hua Hin ตอนแรกก็ไม่เคยได้ยินชื่อค่ะ เลื่อนเจอในบุ้คกิงดอทคอม มีรีวิวน้อยมาก เลยเอาชื่อไปเสิร์ชดูก็เจอว่าเค้าเพิ่งเปิดก่อนช่วงล็อคดาวน์โควิด-19 ไม่นาน แต่พอเจอช่วงโควิดก็ต้องปิดโรงแรมไปทั้งที่เพิ่งเปิด แล้วก็ล่าสุดเพิ่งกลับมาเปิดรับแขกได้ตามประกาศ
เลยเข้าไปดูในเว็บตรง เค้ามีโปรโมชั่นออกมาช่วงนั้นพอดี เราเลยจองไปเพราะโปรเค้าตรงกับความต้องการเราพอดี ห้องพัก Superior จอง 3 คืน เราได้มาที่ราคา 5,1xx บาท รวมอาหารเช้า+ได้เครดิต 500 บาทไว้ใช้สั่งอาหารเครื่องดื่มด้วย ถือว่าราคาดี หารออกมาแล้วตกคืนละ 1,700 กว่าบาทเท่านั้นค่ะ รวมอาหารแล้วยังได้เครดิตอาหาร 500 บาทด้วย
ตอนเราพัก บางส่วนของโรงแรมยังมีต่อเติมไม่เสร็จดีบ้างนะคะ แล้วก็ด้วยความที่แขกเข้าพักค่อนข้างน้อย เลยทำให้อาหารเช้าทั้งสามวันไม่เหมือนกันสักวัน เมนูก็คือเหมือนกัน แต่การสั่งและการตักอาหารต่างกัน วันแรกเราพวกไลน์บุฟเฟ่ต์จะมีเป็นขนมปัง สลัด ซีเรียลอะไรแบบนี้ พวกเมนูไข่ แฮม ไส้กรอกจะใช้สั่งกับพนง. วันที่สองมีไลน์เยอะหน่อยเพราะแขกเยอะขึ้น ตักพวกไข่ดาว ไส้กรอกเองได้ วันที่สามแขกน้อยสุด สั่งอย่างเดียวค่ะไม่มีไลน์อาหาร
แต่โดยรวมเราประทับใจกับการบริการที่นี่นะคะ เดี๋ยวยังไงลองไปอ่านรีวิวกันแล้วจะมีสรุปรวมๆ ให้อีกทีท้ายโพสต์ค่ะ
ไม่อนุญาตให้นำรูปภาพและเนื้อหาทั้งหมดภายในเว็บไซต์ไปดัดแปลง ทำซ้ำ หรือเผยแพร่ต่อโดยเด็ดขาด
เริ่มกันที่ที่ตั้งของโรงแรมก่อนเลย โรงแรมอยู่ติดกับถนนเพชรเกษมเลยค่ะ ตั้งอยู่ระหว่างซอยหัวหิน 78 และ 80ใกล้กับหอนาฬิกาหัวหินและตลาดโต้รุ่งมากๆ เรียกว่าถ้าไม่ขี้เกียจก็เดินไปตลาดโต้รุ่งได้สบายๆ เลยค่ะ
ทำเลใจกลางเมืองหัวหินเลยจริงๆ สะดวกและหาของกินง่ายไม่ต้องกลัวมืดเปลี่ยวเลยถ้าพักโซนนี้ แต่ว่าถ้าใครอยากพักวิวทะเลติดหาด ที่นี่ก็อาจไม่ตอบโจทย์นะคะ เพราะโรงแรมอยู่กลางเมืองจริงๆ
ตัวตึกด้านหน้าดีไซน์สวยหรู ชอบสีโทนน้ำตาลดำที่ใช้ตัดกัน มันสวยคลาสสิคเข้ากันดี รู้สึกสบายตาเหมือนอยู่บ้านเลยค่ะ
เวลาเช็คอินบ่ายสองโมงตรงค่ะ เราไปถึงเกือบบ่ายสาม การเช็คอินที่นี่รวดเร็วและไม่วุ่นวาย กรอกชื่อ ทะเบียนรถ ข้อมูลนิดหน่อยก็เสร็จค่ะ แต่อาจจะเร็วเพราะว่าช่วงที่เราไปเป็นวันธรรมดาและแขกเข้าพักน้อย แต่พนักงานบริการดีมากค่ะ ประทับใจการบริการที่นี่สุดๆ
ล็อบบี้ตกแต่งด้วยสีน้ำเงิน เทา น้ำตาล โทนนี้ทำให้เข้ามาแล้วรู้สึกสดชื่น มีสีสันเพิ่มขึ้นจากที่เห็นหน้าทางเข้าโรงแรม
ชอบการออกแบบตรงนี้ที่ทำให้เพดานสูงโปร่ง ไม่อึดอัด บันไดวนที่เชื่อมขึ้นไปชั้นสองและสามก็ดูมีสไตล์ค่ะ ถ่ายรูปสวยเลยแหละ
พอเช็คอินเสร็จ ดื่มเวลคัมดริงก์ให้ชื่นใจ เป็นน้ำสัปปะรดค่ะที่เราได้ หลังจากนั้นก็จะมีพนง. พาเราขึ้นไปห้องพักกัน ส่วนกระเป๋าจะมีพี่เบลบอยเข็นรถตามขึ้นมาให้ค่ะ จริงๆ เค้ามาช่วยเราถือกระเป๋ากันตั้งแต่จอดรถเลยแหละ
ไปห้องพักกันค่า ได้ห้องพักอยู่ที่ชั้น 4
ภายในลิฟต์ก็จะมีเจลล้างมือให้ด้วยนะคะ จริงๆ ที่นี่แต่ละจุดจะมีเจลล้างมือวางให้ตลอดเลยค่ะ
ได้ห้อง 412 ค่ะ เข้าไปกันเลยยย
ห้องพักครั้งนี้ จองมาเป็นไทพ์เริ่มต้น Superior Room ค่ะ ซึ่งโรงแรมนี้เค้าจะมีทั้งหมด 3 ประเภทด้วยกัน ได้แก่ Superior Room / Deluxe Room และ Corner Suite จริงๆ ห้องสวีทที่นี่มีอ่างอาบน้ำด้วยนะคะ
ที่นี่เตียงสบายแบบลืมตื่น คือเราเป็นคนมีปัญหากับที่นอนค่ะ จะปวดหลังตลอดถ้าที่นอนไม่ดี บางวันตื่นมาคือปวดจี๊ด จะบอกว่านอนที่นี่สามคืน ไม่มีอาการปวดหลังเลยสักนิด ตื่นเช้ามาสบายเนื้อตัว เป็นการหลับที่สบายเต็มตื่นอย่างแท้จริง อยู่บ้านยังนอนปวดหลังบ้างไรบ้าง แต่พอมานอนทีนี่ อยากยกที่นอนกลับบ้านมากเลย นุ่มสบายคลายปวดของแท้
ทีวีจอใหญ่อยู่ค่ะ ส่วนประตูนั้นเป็นประตูคอนเนคไปอีกห้อง ซึ่งถ้าเราไม่ได้มาหลายคนก็ปิดไว้ค่ะ ไม่ต้องเปิด
มีโต๊ะและเก้าอี้ให้ด้วย ขนาดห้องค่อนข้างกว้าง แม้จะมีเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่วางไว้ก็ไม่ดูเกะกะสายตาเลย
ตรงนี้เราสามารถสแกนคิวอาร์โค้ด เลือกดูรูมเซอร์วิส เมนูอาหาร เครื่องดื่ม และรีเควสบริการอื่นๆ เพิ่มเติมได้จากมือถือเลยค่ะ จะขอหมอน หมวกอาบน้ำ ผ้าห่ม น้ำแข็ง น้ำดื่ม ชาม มีดโกนหนวด ชุดเย็บผ้า ซักรีด หรือถ้าในห้องมีปัญหาอะไรก็เลือกได้ ถือว่าสะดวกสบาย ไม่ต้องมาโทรหารีเซพชั่น อยากได้อะไรก็กด คำขอก็จะส่งตรงไปยังพนักงานที่ดูแลส่วนนั้นๆ โดยตรง
ตู้เสื้อผ้าและมินิบาร์อยู่ติดกัน บนเคาท์เตอร์มินิบาร์จะมีกระจกไว้ให้ส่องแทนโต๊ะเครื่องแป้งค่ะ
ในตู้เสื้อผ้า เซฟ สลิปเปอร์ตามมาตรฐาน
ไดร์เป่าผม ถุงซักรีดอยู่ในลิ้นชักค่ะ
มินิบาร์ ชา กาแฟดื่มฟรี พร้อมน้ำเปล่าวันละสองขวดค่ะ
ข้อห้ามเรื่องบุหรี่ ทุเรียนและสัตว์เลี้ยงค่ะ ถ้าตรวจเจอปรับ 2000 บาทน้า
ของในตู้เย็นมีค่าใช้จ่ายค่ะ
มาดูห้องน้ำกันบ้าง มีกระจกใสมองทะลุได้ทำให้ห้องดูโปร่งไม่อึดอัด แต่สามารถปิดม่านได้ตามปกติค่ะ
อ่างล้างหน้า ชักโครกมีสายชำระ แต่ติหน่อยตรงแรงดันชักโครกเบาไปหน่อยค่ะ
Amenities มีหมวกอาบน้ำ สบู่ล้างมือ บอดี้โลชั่นค่ะ จริงๆ คิดว่าน้อยกว่ามาตรฐานโรงแรม 4 ดาวไปสักหน่อย น่าจะเพิ่มแปรงสีฟันมาด้วยอีกอย่างก็ยังดี สบู่อาบน้ำกับแชมพูอยู่ในโซนห้องอาบน้ำค่ะ เป็นแบบขวดปั๊ม
ระบบฝักบัวที่นี่น้ำแรงสะใจดี อาบสบายเลย น้ำอุ่นน้ำเย็นค่อนข้างปรับง่ายและไม่เปลี่ยนอุณหภูมิเองค่ะ
รอบนี้ได้เครดิตอาหาร 500 บาทเพราะจองตรงกับโรงแรม เลยสั่งรูมเซอร์วิสมื้อกลางวันมากินกัน ขอรีวิวอาหารด้วยเลยนะคะ
อย่างแรกเป็นต้มข่าไก่ (160 บาท) แต่เราขอเปลี่ยนจากไก่เป็นหมูแทนเพราะไม่ค่อยชอบกินไก่ต้มค่ะ รสชาติถูกปากสไตล์คนไทยน่าจะชอบ รสจัดจ้านพอประมาณ ไม่ได้เผ็ดขนาดนั้น แต่ก็ไม่ได้จืดค่ะ อร่อยดี
ปอเปี๊ยะผัก (120 บาท) ไส้ผักแน่น รสชาติโอเคตามมาตรฐานปอเปี๊ยะทอดทั่วไปค่ะ ชอบตรงหมี่กรอบที่รองมา กินเกลี้ยงจานเลย
ปูนิ่มทอดกระเทียมพริกไทย (250 บาท) จานนี้เด็ดสุด รสพริกไทยจัดจ้าน เครื่องแน่น ปูนิ่มตัวใหญ่และให้มาปริมาณเยอะพอสมควรเมื่อเทียบกับราคา รวมๆ แล้วอาหารไทยที่นี่รสชาติถูกปาก ฝากท้องได้แบบไม่เสียดายเงิน ถ้าใครมีโอกาสได้เข้าพัก ลองกินอาหารโรงแรมได้ค่ะ ไม่น่าจะผิดหวังเพราะสั่งมาสามอย่าง หมดเกลี้ยงทุกจานเลยจ้า
มาดู Facilities รอบโรงแรมกัน ว่าเค้ามีอะไรให้บริการเราบ้างค่ะ เริ่มจากชั้น 1 หลังล็อบบี้จะเป็นทางเข้าสระว่ายน้ำ
เปิดประตูออกไปจะเจอสระว่ายน้ำทรงยาวแบบนี้ มีน้องปลากระเบนบนผนังกระเบื้องตกแต่งสวยเก๋
ด้านบนเพดานมีความสะท้อนน้ำในสระ ทำให้ภาพที่ถ่ายออกมาดูมีลูกเล่นมากขึ้นด้วยนะ ชอบตรงนี้มากค่ะ
นอนชิลตรงนี้ ไม่ต้องกลัวแดดส่องให้ร้อนเพราะรอบข้างเป็นตึกสูงที่ช่วยบังแดดไว้หมดเลย แฮปปี้
ติดกับสระ จะเป็นห้องอาหาร MANTA RAY โลโก้เป็นปลากระเบนตามชื่อ ตรงนี้จะมีเครื่องดื่ม ค็อกเทล ม็อกเทล อาหารง่ายๆ แบบพิซซ่า เบอร์เกอร์ให้บริการค่ะ
ที่นั่งรอบๆ ก็จะเป็นฟีลเลาจ์หน่อย มีโต๊ะอาหารนั่งกินเป็นจริงจังแค่โต๊ะเดียวค่ะ นอกนั้นก็จะเป็นโซฟาบ้าง เก้าอี้ริมสระบ้าง
มีเมนูให้เลือกสั่งเยอะอยู่ มีเซ็ตโปรโมชั่นให้สั่งด้วยค่ะตอนเราไป
สระว่ายน้ำเป็นมุมที่ชอบที่สุดในโรงแรมเลย อยู่ได้ทั้งวัน ปกติถ้าอยากเล่นน้ำต้องรอแดดร่มหน่อยถึงพอไหว แต่ที่นี่คืออยากเล่นเมื่อไหร่ก็ได้เพราะมีร่มเงาทั้งวัน สบายสุดๆ ถือว่าเป็นข้อดีของโรงแรมนี้เลยค่ะ
มุมนี้ก็ดีงามสุดๆ เพราะว่าได้นอนมองวิวสระน้ำทางยาวแบบเต็มๆ ตา
สั่งเซ็ตโปรโมชั่นพิซซ่า+เครื่องดื่ม 150 บาท เครื่องดื่มมีให้เลือกหลากหลายอยู่นะคะ เราเลือกเป็นกล้วยกับสัปปะรดปั่น
พิซซ่าอร่อยเลยค่ะ ชิ้นกำลังดี กินสองคนอยู่ท้องใช้ได้เลย เป็นแบบแป้งบางกรอบ กินเล่นเพลินๆ ค่ะ
มาที่ชั้นสามกันบ้าง ชั้นนี้จะเป็นส่วนของฟิตเนส คิดส์คลับและห้องจัดเลี้ยงต่างๆ ตอนไปโซนนี้ยังไม่เสร็จดีค่ะ เลยยังไม่ได้เปิดให้บริการ
ห้องออกกำลังกาย วิวเป็นคอนโดตึกข้างๆ ไม่ค่อยส่วนตัวเท่าไหร่ค่ะ ส่วนของคิดส์คลับเหมือนยังไม่เสร็จดี เลยไม่ได้เข้าไปเก็บภาพมาฝากกันนะคะ
รถรับส่งของโรงแรม มีรับไปชายหาดหัวหิน ห้างบลูพอร์ท ตลาดชิเคด้า ตลาดโต้รุ่ง และอีกหลายที่เลย ถ้าสนใจสามารถลองเช็คตารางรถได้ที่โรงแรมโดยตรงนะคะ ถือว่าสะดวกสำหรับคนไม่มีรถยนต์มากๆ ค่ะ
มาถึงการรีวิวอาหารเช้าแล้ว ห้องอาหาร MAVE CAFE เป็นห้องอาหารหลักของที่นี่เลย
ด้านหน้าห้องอาหารมีมุมให้นั่งถ่ายรูปได้ด้วย ชอบตรงที่ด้านหลังเป็นหินเหมือนกำลังร่วงลงมา
อาหารเช้าเริ่มตั้งแต่ 6.30 – 10.30 น. ค่ะ เดาว่าถ้าแขกเข้าพักเยอะหน่อย น่าจะเป็นแบบไลน์บุฟเฟ่ต์ทั้งหมด แต่เราไปช่วงคนน้อยมาก สามคืนเลยไม่เหมือนกันสักวันเลยค่ะ ได้ทั้งตักเอง สั่งด้วยตักเองด้วย แล้วก็แบบสั่งอย่างเดียว อาหารเช้าเราเลือกวันที่เค้าให้ตักในไลน์บุฟเฟ่ต์เองนะคะ เพราะน่าจะรีวิวได้เห็นภาพที่สุด ส่วนวันอื่นๆ ที่ต้องสั่งกับพนักงานก็จะไม่มีอะไรมากค่ะ เพราะเมนูเหมือนกันแค่เชฟเค้าจะจัดจานมาให้เราเลยเป็นชุดๆ
เริ่มที่ขนมปังก่อนเลย
ตัวเลือกมีไม่เยอะมาก มีขนมปังโฮลวีท ขนมปังขาว ครัวซองต์และเดนิช
แยมและเนยค่ะ เป็นแยมสัปปะรดและสตรอเบอร์รี่
ผักสลัดค่ะ ตัวเลือกน้อยไปนิด
น้ำสลัดแบบครีมเราว่าข้นไป เทกซ์เจอร์หนืดแบบนี้ พอเอาไปคลุกแล้วมันไม่ค่อยทั่วค่ะ
ซีเรียล ขนมปังกรอบ นมและน้ำส้ม ข้าวผัด ไส้กรอกและแฮมค่ะ
ไข่ดาวและออมเล็ตที่ทำไว้แล้ว ไข่ดาวเข้าใจได้ แต่ออมเล็ตส่วนตัวคิดว่าควรทำจานต่อจานจะอร่อยกว่าค่ะ
ข้าวต้มหมูค่ะ ตัวเลือกอาหารไทยค่อนข้างน้อย มีแต่ข้าวผัดกับข้าวต้มสองอย่างเอง แต่ข้าวต้มอร่อยดีค่ะ ได้กินวันที่ต้องสั่งกับพนง. ซึ่งจะมีตัวเลือกข้าวต้มปลาด้วย ติดใจมากๆ
ผลไม้มีส้ม สัปปะรด แตงโม
ประมาณนี้เองค่ะอาหารเช้า ไม่แน่ใจว่าถ้าแขกเยอะกว่านี้จะมีเพิ่มมั้ย แต่ที่ถ่ายมาเป็นวันที่แขกเยอะที่สุดแล้ว ก็มีเท่าที่เห็นค่ะ ส่วนตัวอยากให้เพิ่มอาหารไทยอีกอย่างสองอย่างก็ได้ เป็นกับข้าวอะไรแบบนี้ แล้วก็สลัดอยากให้มีผักเยอะกว่านี้ อันนี้เราว่ามันน้อยเกินมาตรฐานโรงแรม 4 ดาวไปมากเลยค่ะ ราคาห้องพักประมาณนี้ อาหารเช้าน่าจะดีกว่านี้ได้อีกมากๆ ค่ะ
สรุปโดยรวมคือรู้สึกชอบที่นี่นะคะ ถ้าใครไม่ซีเรียสเรื่องโรงแรมไม่ติดหาด หรือมาหัวหินบ่อยแล้วแบบเรา ไม่จำเป็นต้องนอนติดทะเล ที่นี่เป็นตัวเลือกที่ดีเลย เพราะทำเลในเมือง ไปไหนมาไหนสะดวก ห้องพักสวย นอนสบาย ที่จอดรถในตึกไม่ต้องตากแดดด้วย การบริการดีเยี่ยมตั้งแต่รปภ. รีเซพชั่น แม่บ้าน พนง.ยกกระเป๋า รวมถึงพนักงานห้องอาหาร เราประทับใจมากเลย ใส่ใจลูกค้าและมีเซอร์วิสมายด์ ไม่มีใครเหวี่ยงหรือพูดจาไม่ดีเลยค่ะ เรื่องบริการคือดีจริงค่ะ ทำให้เราอยากกลับไปพักอีก
ที่อยากให้ปรับปรุงก็มีแค่เรื่องอาหารเช้าอย่างที่บอกค่ะ เพิ่มตัวเลือกอีกสักหน่อย รสชาติอาหารอร่อยถูกปากอยู่แล้ว แค่ตัวเลือกอาหารเช้าน้อยเกินไปเท่านั้นเอง ถ้าทางโรงแรมได้มาอ่าน อยากให้ช่วยพิจารณาข้อนี้ด้วยนะคะ ^^
สามารถเข้าไปดูรายละเอียดห้องพักและโปรโมชั่นได้ในเว็บไซต์โรงแรมเลย www.mavenhuahin.com
เนื้อหาทั้งหมดในโพสต์นี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของเราเท่านั้น หากมีข้อผิดพลาดใดๆ ต้องขออภัยด้วยค่ะ
ติดตามรีวิวร้านอาหาร ของกิน ที่เที่ยว ที่พัก และไลฟ์สไตล์อื่นๆ ได้ที่ facebook.com/twinklebabystyle นะคะ ❤️
Disclaimer: This post is NOT sponsored. All opinions are my own.