นาทีนี้ร้านซูชิสายพานที่มาแรงสุดในไทยคงหนีไม่พ้น Sushiro แบบจริงแท้แน่สุด เพราะตั้งแต่มาเปิดก็คือมีกระแสและรีวิวออกมาเรื่อยๆ ตลอดเลย แถมคิววอล์คอินก็ค่อนข้างยาวค่ะ ช่วงเปิดใหม่เราเลยไม่ได้รีบไปแย่งกินแย่งใช้ รอให้กระแสมันจางลงสักหน่อย บวกกับทางร้านเขามีแอพพลิเคชั่นสำหรับจองคิวเพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าด้วย พอรู้แบบนี้ก็ยิ่งสะดวกเราเลย ไม่ต้องไปรอคิวหน้าร้านให้เมื่อย แค่โหลดแอพแล้วก็กดจองวันเวลาที่ต้องการ ไปให้ตรงตามเวลาแล้วเราก็จะได้โต๊ะเลยค่ะ
ไม่อนุญาตให้นำรูปภาพและเนื้อหาทั้งหมดภายในเว็บไซต์ไปดัดแปลง ทำซ้ำ หรือเผยแพร่ต่อโดยเด็ดขาด
ส่วนตัวเราไม่เคยกินซูชิโระที่ญี่ปุ่นมาก่อน แต่เคยเกือบจะได้กินตอนที่ไปทริปโอซาก้าเมื่อปีก่อน จำได้ว่าที่ญี่ปุ่นคนก็รอคิวเยอะเหมือนกันค่ะ เราก็เป็น 1 ในคนที่ไปกดบัตรคิวที่หน้าร้านญี่ปุ่น แต่หิวจัดทนไม่ไหวเลยทิ้งคิวไปกินร้านอื่น 555555 พอรู้ว่ามาเปิดที่ไทยก็ดีใจที่จะได้มาลอง เพราะเราชอบกินซูชิสายพานมาก แต่ในไทยไม่ค่อยมีร้านแนวนี้แพร่หลายเท่าไหร่ เรามาลองที่เซ็นทรัลเวิลด์นะคะ สาขาใกล้บ้านที่สุดค่ะ มีสรุปที่ชอบไม่ชอบท้ายโพสต์ค่ะ ไปอ่านรีวิวกันเลย!
Sushiro สาขา Central World ตั้งอยู่บนชั้น 7 โซน Beacon ติดกับ HaiDiLao เลยค่ะ
ถ้าไม่ได้จองคิวออนไลน์มาก่อน ก็ต้องมารับบัตรคิวตรงนี้ค่ะ แต่เราจองเอาไว้ล่วงหน้าแล้วผ่านแอพ Sushiro ก็สามารถนำหลักฐานการจองไปแจ้งพนักงานได้เลย เขาก็จะพาเราไปที่โต๊ะแบบไม่ต้องรอสักนาทีเดียวค่ะ เดินตัวปลิว~
สาขานี้พื้นที่ค่อนข้างกว้าง มีหลายโต๊ะมาก ไม่มีอึดอัดคับแคบเลย
พอได้โต๊ะ พนักงานก็จะมาอธิบายวิธีการหยิบจานจากสายพาน การสั่งด้วยจอแท็ปเล็ตที่โต๊ะ แล้วก็เรื่องน้ำดื่มและชาเขียวที่ชงเองได้ที่โต๊ะค่ะ ขวดที่ตั้งอยู่จะเป็นโชยุนะคะ มี 2 แบบ ไม่แน่ใจว่าต่างกันยังไง ส่วนในกระปุกเป็นขิงดองค่ะ
หัวกดน้ำร้อนจะตั้งอยู่แบบนี้ทุกโต๊ะ สามารถกดดื่มได้เรื่อยๆ หรือถ้าใครอยากดื่มเป็นมัทฉะร้อน ก็สามารถเทผงมัทฉะในกระปุกกลมลงไปละลายน้ำได้เลยค่ะ หอมมากๆ เราชอบ
หน้าจอสำหรับสั่งอาหาร เวลาไม่ได้แตะก็จะมีภาพการ์ตูนแบบนี้วิ่งไปมา น่ารักดูเพลิน
ถ้าเราจะสั่งอาหารก็สามารถแตะที่จอได้เลย เมนูใช้งานง่าย มีภาษาไทย อังกฤษ จีน ญี่ปุ่น ครบเลยค่ะ
เคาน์เตอร์เครื่องดื่มรีฟิลตรงนี้มีค่าบริการค่ะ ก็จะมีพวกน้ำอัดลม น้ำหวานอื่นๆ
ส่วนน้ำเปล่าสามารถกดได้ฟรีที่เคาน์เตอร์ตรงนี้ค่ะ
ราคาของแต่ละจานก็ตามนี้ค่ะ หยิบจานสีอะไรก็จ่ายเท่านั้น
มาดูกันว่าเราหยิบอะไรมาบ้าง สายพานหลักที่อยู่ด้านล่างก็จะมีพวกเมนูเบสิคพื้นฐานวนเวียนมาเรื่อยๆ ค่ะ ชอบใจอันไหนก็หยิบ แต่หยิบแล้วห้ามคืนจานกลับไปบนสายพานนะคะ เป็นกฎค่ะ
แต่ละชนิดก็จะมีป้ายบอกว่าอะไรเป็นอะไรด้วยค่ะ อย่างนั้นนี้ปลาไหลน้ำจืดคัดพิเศษ ของโปรดเรากับแฟนเลย
บนสายพานจะมีวาซาบิให้หยิบแบบนี้ แล้วก็มีที่สำหรับคืนฝาครอบด้วย
สายพานด้านบนจะมีไว้สำหรับเมนูที่เรากดสั่งผ่านหน้าจอแท็ปเล็ตนะคะ อันนี้จะตรงจากพ่อครัวมาถึงโต๊ะเราเลย ส่วนใหญ่เรากดสั่งเป็นเมนูพิเศษค่ะ อย่างช่วงเราไปเป็นฤดูกาลอูนิพอดี ก็เลยจัดมาลองสักหน่อย
จานนี้รวมมากุโระ 3 แบบค่ะ จานสีดำ 120 บาท เราแนะนำให้สั่งจากเชฟดีกว่าเพราะเมนูปลาดิบแล้วหยิบจากสายพาน เนื้อปลาจะแห้งๆ หน่อยค่ะ
มากันที่ของโปรดอย่าง Unagi หรือซูชิปลาไหลน้ำจืด จานสีเงิน 60 บาท (แบบไม่คัดพิเศษจะถูกกว่ารูปด้านบนค่ะ)
Ikura จานนี้ 40 บาทค่ะ ราคาถูกคงเพราะเป็นแตงกวาแล้วครึ่งนึง 555555 ส่วนตัวเราว่าอิคุระที่นี่เฉยๆ มีที่อื่นอร่อยกว่า
ทาโกะวาซาบิจานแดง 40 บาท เนื้อปลาหมึกยักษ์คลุกวาซาบิ อร่อยผ่านมาตรฐานค่ะ
เอนกาวะจานเงิน 60 บาทเท่านั้น! ถือว่าราคาดีเลยสำหรับเอนกาวะค่ะ แต่แนะนำให้สั่งจากเชฟเหมือนเดิมนะคะ เพราะหยิบจากสายพานแล้วเนื้อปลาแห้งมาก
อันนี้เป็นเมนูพิเศษช่วงนั้น ซึเคะอูนิ จานละ 60 บาท สำหรับเราคิดว่ากับราคานี้ถือว่ารับได้ค่ะ แต่ไม่ใช่อูนิที่อร่อยที่สุดที่เคยกิน บางคนบอกว่าคาวเลย แต่สำหรับเราพอไหวอยู่ ราคาไม่ถึงร้อยอ่ะเนอะ
สองจานบนเป็นอูนากิธรรมดา และอูนากิคัดพิเศษ จานคนละสีค่ะ หน้าตาก็ดูแตกต่างกันด้วย 55555 ส่วนสองจานล่างเป็นมากุโระท็อปด้วยอูนิ กับฮามาจิซูชิ
ถ่ายรูปหมู่สักแชะก่อนกิน อันนี้แค่รอบแรกที่สั่ง+หยิบมานะคะ หลังจากนี้ก็มีซ้ำอีกหลายจาน แต่เป็นการสั่งเมนูเดิมที่อยากกินอีกมากกว่าค่ะ รวมๆ แล้วก็กินไม่หนีจากนี้มาก
พออิ่มแล้วก็สั่งของหวาน แพนนาคอตต้าอร่อยดี ชอบมากเลย ราคาแค่ 40 บาทเอง หวานๆ ชื่นใจที่สุด
สั่งไอศกรีมวานิลลามาด้วย 40 บาทเช่นกันค่ะ
ค่าเสียหายทั้งหมดรวมเซอร์วิสชาร์จแล้ว สำหรับเราคือหยิบๆ มาเหมือนไม่เยอะ กินกันสองคนยังไม่ค่อยอิ่มเท่าไหร่ค่ะ 555555 แอบคิดว่าหาร้านบุฟเฟ่ต์ซูชิน่าจะคุ้มกว่า
สรุปรวมๆ คือถูกปากแค่บางอย่างสำหรับเรา พวกหน้าปลาดิบ เราแนะนำให้กดสั่งเอาเลย ไม่ต้องหยิบจากสายพานดีกว่าเพราะหยิบมาแล้วเนื้อปลาแห้งกว่าจริงค่ะ มันคงวนอยู่อย่างนั้นนานด้วยแหละกว่าจะมาถึงเรา สั่งมาโดยตรงยังไงก็อร่อยกว่า ส่วนที่ไม่ชอบมากๆ คือข้าวแตกเกือบทุกคำ ปั้นข้าวไม่แน่นเลยค่ะ คีบๆ มาจุ่มในโชยุก็คือข้าวแตกกระจุยไม่เป็นคำเลย อยากให้ปรับปรุงตรงนี้มาก
ที่ชอบคือปลาที่ค่อนข้างราคาสูงในร้านซูชิทั่วไป ที่นี่ได้กินในราคาหลักสิบ ซึ่งโอเคอยู่นะ แต่รวมๆ ราคาออกมาแล้วก็แอบตกใจนิดนึง ตอนแรกยังคิดว่าน่าจะสักพันหนึ่งไม่เกินพันสอง แต่รวมออกมาแล้วเกือบพันสี่แน่ะ หารสองคนก็ตกคนละ 671 บาทเลยค่ะ ขนาดเน้นกินจานแดงเยอะแล้วนะเนี่ย หรือเรากับแฟนอาจจะหิวด้วยเลยรู้สึกเหมือนกินยังไม่ค่อยอิ่มเท่าไหร่ แต่ก็ถือว่าได้มาลองแล้วค่ะ ยังไงเรื่องรสชาติกับความคุ้มค่ามันขึ้นอยู่กับรายบุคคลด้วย อ่านประกอบการตัดสินใจได้แต่อย่าปักใจเชื่อจนกว่าจะได้ลองเองนะ สำหรับเรารู้สึกว่าราคาสูงแต่กับคนอื่นอาจจะโอเคมากๆ ก็ได้ค่า
SUSHIRO สาขา Central World
ที่อยู่: เซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 7 โซน Beacon ถนนพระราม 1, แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร
เบอร์โทรศัพท์: 02-118-2997
เวลาเปิด-ปิด: 10.00-22.00 น.
เว็บไซต์: sushiro.co.th (จองคิวผ่านเว็บได้)
Facebook: facebook.com/sushirothailand
เนื้อหาทั้งหมดในโพสต์นี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของเราเท่านั้น หากมีข้อผิดพลาดใดๆ ต้องขออภัยด้วยค่ะ
ติดตามรีวิวร้านอาหาร ของกิน ที่เที่ยว ที่พัก และไลฟ์สไตล์อื่นๆ ได้ที่ facebook.com/twinklebabystyle นะคะ ❤️
Disclaimer: This post is NOT sponsored. All opinions are my own.