เราได้มีโอกาสไปสิงคโปร์มาด้วยตั๋วโปรจาก Jetstar ค่ะ จองเอาไว้ตั้งแต่ต้นปี
เลยเป็นที่มาของรีวิวนี้นั่นเอง แต่จะบอกว่าทริปนี้ค่อนข้างสโลว์ไลฟ์หน่อยนึง
คือไม่ได้อัดที่เที่ยวอะไรมาก เน้นกินอิ่ม นอนเต็มที่ ช็อปปิ้งพอหอมปากหอมคอเล็กน้อย
ทำให้ 4 วัน 3 คืนนี้ไม่ค่อยได้ไปไหนมากค่ะ 5555 ชมเมือง ชมวิวซะส่วนใหญ่
พูดถึงเรื่องตั๋ว เราจองแบบซื้อน้ำหนักกระเป๋า (ขาไป 15 กิโลกรัม / ขากลับ 20 กิโลกรัม)
ตกเฉลี่ยแล้วคนละ 3,208 บาท ไม่ได้เลือกที่นั่งและซื้ออาหารเพราะว่าบินแค่สองชั่วโมงเองค่ะ
ค่าโรงแรม 3 คืน 6,953 บาท (เฉลี่ยคืนละ 2,317 บาท) ซึ่งถือว่าราคาโอเคสำหรับโรงแรม 3 ดาวในสิงคโปร์
มีรายละเอียดและรีวิวโรงแรมที่โพสต์ด้านล่างนะคะ รออ่านต่อกันได้เลย ^^
ทริปนี้เราไม่ค่อยได้ไปไหนค่ะ 5555 ออกแนวมาพักผ่อนชิลๆ มากกว่า
อาหารส่วนมากก็กินตามฟู้ดคอร์ทเพราะทั้งถูกและอร่อย (มากกกกกกก)
โปรแกรมเที่ยวแต่ละวันก็ไม่ได้วางแผนล่วงหน้า ไปถึงก็คิดวันต่อวันว่าจะไปไหนทำอะไร
อะไรขี้เกียจก็ตัดออกไป แต่สิงคโปร์เป็นประเทศที่ให้ความรู้สึกตะวันตกมากเลยนะคะ
แบบเดินแล้วไม่ค่อยรู้สึกเหมือนอยู่เอเชียเลย อาจจะเป็นเพราะมีคนหลากหลายเชื้อชาติอาศัยอยู่
สะอาด ร่มรื่น อากาศร้อนแต่ก็ไม่ได้อบอ้าว (อาจจะเพราะตอนเราไปมีฝนเล็กน้อยเลยเย็น)
ยังไงก็หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นแนวทางหรือเป็นประโยชน์ให้เพื่อนๆ ได้บ้างไม่มากก็น้อยนะคะ
ไม่อนุญาตให้นำรูปภาพและเนื้อหาทั้งหมดภายในเว็บไซต์ไปดัดแปลง ทำซ้ำ หรือเผยแพร่ต่อโดยเด็ดขาด
♡ DAY 1
ออกเดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิด้วยแท็กซี่ของ All Thai ค่ะ 5555
พอดีเห็นว่ารถทุกคันเป็นพรีอุส มันน่าจะนั่งสบายกว่าแท็กซี่ทั่วไปเลยเรียกดูค่ะ
คนขับสุภาพดี ในรถสะอาด มีกล้องส่องรอบรถ คนขับบอกถ้าลืมของได้คืนชัวร์ๆ
มาถึงเคาน์เตอร์เช็คอินตอน 6 โมงกว่า เปิดพอดีเลยไปต่อแถว รอไม่นานค่ะ
ไฟลท์เช้าค่ะ 9.25 น. ไปถึงสิงคโปร์เกือบบ่ายโมง เวลากำลังดีเลย แม้จะเป็นตั๋วโปรก็เถอะ
พอเช็คอินได้บอร์ดิงพาสเรียบร้อยก็เข้าเกทกันค่ะ เราไปนั่งที่เลาจ์ของคิงพาวเวอร์จนถึงเวลาขึ้นเครื่องเลย
เลาจ์ดีเกินคาดหมายมาก เพราะแค่สมัครสมาชิกคิงพาวเวอร์ก็ได้เข้าฟรี ไม่ต้องมียอดซื้อหรืออะไรเลยค่ะ
มีไลน์อาหารว่างกินพออิ่ม เครื่องดื่ม ชา กาแฟก็มีครบ มีโจ๊กให้ด้วย ที่สำคัญคืออร่อยมาก ฟาดไปหลายชาม
ประหยัดค่าอาหารไปอีกถ้าบินโลว์คอสต์แล้วไม่ได้ซื้ออาหารไว้ หรือถ้าจะไปนั่งกินในร้านสนามบินก็แพงเนอะ
มีมุมคอมพิวเตอร์ด้วยนะ
บินด้วยเครื่อง Airbus A320 ที่นั่งไม่แคบเลยนะคะ นั่งสบายๆ เอนหลังได้
เรานั่ง A320 ของแอร์เอเชียแล้วอึดอัดมาก เบาะแคบ ขาขนโน้นนี่ไปหมด
แต่ของเจ็ทสตาร์นี่ ขาไม่ชนเบาะหน้า ตัวที่นั่งไม่แคบจนเกินไป หลับได้ชิลๆ
ตื่นมามีขาแอบชาไปบ้างแต่รวมๆ ก็ไม่แย่เลยค่ะ
บินแป๊บเดียวก็จะแลนดิงแล้ว หลับไปแค่ตื่นสองตื่นเอง
ตอนลงมีฝนเล็กน้อย แต่พอจอดสนิทแล้วก็ฟ้าโปร่งนะคะ โล่งเลย
เจอถังขยะที่สนามบิน เป็นความชอบส่วนตัวเลยแชะภาพมาด้วย อิอิ
พอออกจากงวงมาก็เดินตามๆ กันไปค่ะ ทุกคนจะมุ่งหน้าไปต่อรถไฟ
เพื่อไปยัง Terminal 2 ซึ่งเป็นที่ๆ สถานี MRT เข้าถึง ตามป้าย Train to City ไปเลย ไม่หลงแน่นอนนน
แวะซื้อบัตร EZlink กันตรงก่อนขึ้นรถไฟเลย แล้วก็เติมเงินกันไปด้วย ได้เป็นลายซานริโอมา น่ารักมากกก
ราคาบัตร EZlink ใบละ 15 SGD จะเป็นค่าบัตร 5 เหรียญ (ไม่ได้คืนนะคะ) จะเหลือใช้ในบัตรได้แค่ 7 เหรียญ
(อีก 3 เหรียญเป็นค่าอะไรไม่แน่ใจ แต่ว่าใช้ไม่ได้อ่ะค่ะ) จะอยู่กี่วันก็เติมตามจำนวนที่ต้องการได้เลยนะคะ
เราจะนั่งรถไฟไปถึงสถานี Bugis กันค่ะ เป็นที่ๆ โรงแรมตั้งอยู่
พอถึงสถานี Bugis ก็ลากกระเป๋าออกมาทางออก B แล้วก็เดินไปทางขวาตรงไปยัง Arab Street
ถือเป็นย่านที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้าไว้ช้อปปิง มีครบสะดวกมากค่ะ ชอบ
มองจากหน้าปากซอยเข้าไป ถ้าเจอมัสยิสต์สวยๆ แบบนี้ก็คือใช่แล้ววว มาถูกทางจ้า
โรงแรมที่เราพักตลอด 3 คืนที่สิงคโปร์คือ Hotel NuVe ค่ะ เป็นโรงแรมมาตรฐาน 3 ดาวเล็กๆ มีไม่กี่ห้อง
แต่ตกแต่งเรียบๆ มีของใช้ที่จำเป็นครบครัน ทำเลดีมาก สะดวกสบาย มีน้ำดื่มกดฟรีด้วย กรอกกินทุกวันเลย
มีโทรศัพท์ด้วยค่ะ โทรกลับไทยฟรีด้วยนะ
ภายในห้องพักก็จะประมานนี้ค่ะ ออกตัวก่อนว่าเราชอบที่แคบ 5555 คือไม่อึดอัดเลยค่ะกับห้องเล็กๆ แบบนี้
ไม่มีหน้าต่าง เข้าไปเจอเตียง เจอห้องน้ำ แต่ชอบมากกก เตียงนอนสบายมาก แฮปปี้กับที่นี่สุดๆ สะอาด สะดวก
แต่ถ้าใครไม่ชอบที่แคบๆ แบบนี้อาจจะไม่ถูกใจนะคะ ถ้าอยู่ห้องเล็กขนาดนี้ไม่ได้แนะนำให้ข้ามโรงแรมนี้ไปค่ะ
เพราะเท่าที่ดูแล้วขนาดห้องพักทุก type ก็เล็กประมาณนี้หมดเลย แต่สำหรับเรา ที่นี่สบายมากค่ะ ถูกใจ
ด้านล่างมีขนมให้หยิบกินได้ฟรีด้วยน้าาา อร่อย ชอบขนมจุก
พอเช็คอินเรียบร้อย ก็ออกไปหาอะไรกินกันเนอะ เพราะเริ่มเย็นแล้วค่ะ แต่นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ซื้อซิมไว้ใช้เน็ตเลย
เลยเดินไปห้าง Bugis Junction ก่อนเพื่อแวะไปซื้อซิม จะได้ติดต่อโลกภายนอกได้ ใช้เน็ตดูแผนที่ด้วย
ห้าง Bugis Juction นี่ก็มีทุกแบรนด์ฮิตๆ เกือบครบค่ะ วันสุดท้ายเก็บตกช็อปปิ้งก็ที่นี่แหละไม่ต้องไปไกล
ถือว่าทำเลตรง Bugis นี่ดีจริงๆ มีร้านอาหาร ฟู้ดคอร์ท ห้างสรรพสินค้า ครบครันที่เดียววว ที่สำคัญปลอดภัยด้วย
เราเดินกลับโรงแรมตอนกลางคืนก็ไม่เปลี่ยวมาก แต่ไม่พลุกพล่าน รอบข้างสงบ เสียงไม่ดังก็พอใจแล้วค่ะ
เรามาซื้อซิมกันที่ช็อป StarHub เป็นเครือข่ายมือถือใหญ่ในสิงคโปร์ ตรงข้ามก็ช็อป Singtel ค่ายใหญ่เหมือนกัน
ตอนแรกก็ว่าจะใช้ Singtel แต่เห็นคนรอในช็อปแล้ว ไม่ไหว คนเยอะกว่า StarHub มากเลยไม่อยากรอค่ะ
เลยเข้า StarHub เลย บอกพนักงานเอาอินเตอร์เน็ตซิมการ์ด เค้าก็แนะนำแบบ 15 เหรียญ แต่เราไม่เอาเพราะไม่ได้ใช้เยอะ
เราเลือกแค่แบบ 8 เหรียญค่ะ จะได้ซิมแบบ pre-paid มา ในซิมจะมีเงิน 10 เหรียญ พอเปิดใช้งานปุ๊ป
ก็กดตามที่เค้าบอกเลยค่ะ เอาแพคเกจไหนก็เลือก เราเลือกแพคเกจที่ตัดเงินในซิมไป 7 เหรียญ ใช้เน็ตได้ 1 GB
พอจัดการเรื่องเน็ตเสร็จแล้วก็ได้เวลาไปหาของกิน ตอนแรกจะไปกินบะหมี่เป็ดที่เสิร์ชหามา
แต่เดินหาร้านไม่เจอ แถมฝนลงเม็ดด้วยนิดนึงเลยเลิกหาร้านเป็ดแล้วไปกินฟู้ดคอร์ทแทนค่ะ
เดินข้ามถนนจาก Bugis Juction มาลงหน้า Bugis Plus แล้วก็เดินทะลุเข้าซอยไป
เจอฟู้ดคอร์ทแบบฟลุ๊คๆ คือคนสิงคโปร์เค้าจะมีฟู้ดคอร์ทเป็นที่ฝากท้องเวลาหิวเลยค่ะ
เพราะฉะนั้นฟู้ดคอร์ทจะเกลื่อนเมือง แต่รสชาติโอเคเลยนะคะ บางร้านคืออร่อยแบบร้านอาหารเลย
พอเข้ามาก็เลือกๆ เอาร้านนึง เพราะตอนนั้นหิวมากแล้ว เหนื่อยด้วยตั้งแต่ลงเครื่องก็ยังไม่ได้กินอะไร
ก็เลยกินบะหมี่ร้านนี้ค่ะ สั่งกันคนละจานกับแฟน รสชาติพอกินได้ แต่ไม่ได้เรียกว่าอร่อย ถือว่ากินรองท้องค่ะ
เพราะตอนนั้นไม่ไหวแล้ว เดินหาต่อเป็นลมแน่นอน เพราะฝนตกด้วย อากาศอบอ้าว ยังไงก็ต้องกินไปก่อน
ค่าเสียหาย คนละ 3 SGD ค่ะ ราคาพอรับได้ 5555 (แต่มื้อนี้เป็นมื้อที่ไม่อร่อยที่สุดในทั้งทริปนะ บอกก่อน แหะๆ)
ฟู้ดคอร์ท Albert Center
การเดินทาง: สถานี Bugis ทางออก C ขึ้นมาจะเจอห้าง Bugis Junction
ให้ข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามเดินตัด Bugis Street ไปก็เจอค่ะ
หลังจากกินข้าวเสร็จก็นั่ง MRT ไปต่อที่สถานี Chinatown เพื่อซื้อบัตร Universal Studio กันที่ตึก People Park Centre
แต่ตอนออกจากสถานีเราดันออกผิดทาง ออกมาเจอตลาดขายของกินเยอะแยะเลยค่ะ เลยแวะซื้อไอติมแก้ร้อนหน่อย
เราสั่งซอฟต์ครีมอะโวคาโด้ หอมมัน หวานกำลังดี อร่อยมากกกกกกก อยากกินอีก สดชื่นมากๆ ค่ะ
ของแฟนเป็นวานิลลา รสชาติหอมนม เข้มข้นมาก รสชาติยังตราตรึงอยู่ในปากกก
ค่าเสียหายวานิลลา 1 SGD ส่วนอะโวคาโด้ 2 SGD ค่ะ
ร้าน Harvest Ice-cream
การเดินทาง: สถานี Chinatown ทางออก C ขึ้นมาเจอร้านเลยค่ะ
พอได้ไอติมแล้วก็ไปเดินหาตึก People Park’s Centre กันค่ะ ตอนแรกเล็งร้าน Sea Wheel ไว้
แต่เดินเทียบราคาดูแล้ว เจอร้านที่ถูกกว่าคือร้านนี้นะคะ Go Holiday ขายอยู่ที่ใบละ 60 SGD
ในขณะที่ Sea Wheel ขาย 62 SGD ถึงจะต่างกันแค่ 2 เหรียญแต่เราก็ประหยัดไปก่อน 5555
เพราะร้านมันอยู่ชั้นเดียวกัน ตึกเดียวกัน เดินห่างกันแค่สามก้าวก็ถึงแล้วค่า
พราะงั้นถ้าใครจะไปซื้อที่ตึก People Park’s Centre ก็ลองเดินเปรียบเทียบราคาได้ค่ะ
ตึก People Park’s Centre
การเดินทาง: สถานี Chinatown ทางออก D ร้านอยู่ชั้น 3 ค่ะ
พอได้ตั๋วแล้วก็ไปเดินไชน่าทาวน์ต่อสักหน่อยค่ะ เป็นย่านคนจีน ร้านอาหารจีน ชิคๆ
ชอบตึกที่มีสีสันสดใสมากเลยค่ะ ดูแล้วเพลิน เดินเล่นซื้อขนมซื้อน้ำผลไม้กิน
แล้วก็แวะซื้อของที่ระลึกบ้าง ดูดีๆ นะคะบางร้านขายแพงขายถูกทั้งที่ของแบบเดียวกันก็เยอะ
เดินมาจนเจอ Chinatown Food Street (Smith Street) ค่ะ
เป็นเหมือนฟู้ดคอร์ทกลางแจ้งของถนนไชน่าทาวน์ มีหลายร้านให้เลือก
เราเดินวนกันรอบนึงก่อนจะตัดสินใจสั่งเป็ดย่าง หมูกรอบ หมูแดงมากินกับบะหมี่เหลือง
อร่อยมากกกกกกกก เป็ดนี่ละลายในปาก หมูกรอบหอมๆ กรอบๆ บะหมี่ก็อร่อยค่ะ
ค่าเสียหาย ชุดเป็ดย่างหมูกรอบ 15 SGD บะหมี่ 1 SGD รวมแล้ว 16 SGD ค่ะ
Chinatown Food Street
การเดินทาง: สถานี Chinatown ทางออก A เดินตรงมาเรื่อยๆ เลี้ยวขวาค่ะ
ตอนแรกแพลนกันว่าหลังจากเรียบร้อยที่ไชน่าทาวน์แล้วจะไปเดินดูวิวที่มาริน่าเบย์ค่ะ
แต่ว่าตอนนั้นร่างกายไม่ไหวแล้ว ต้องการการพักผ่อนด่วนๆ 5555 เนื่องจากไฟลต์เช้า
ทำให้เราต้องตื่นตี 4 มาเตรียมตัว บนเครื่องได้นอนแค่นิดเดียวก็ต้องลง แถมเดินมาอีกทั้งวัน
เหนื่อยล้าพอสมควร แถมพรุ่งนี้ต้องไป Universal ด้วย ถ่างตามาทั้งวันขนาดนี้ก็เก่งแล้ว
ขากลับโรงแรมแอบแวะเซเว่นซื้อขนมซื้อน้ำเล็กน้อย
สเลอปี้ในเซเว่นรสแอปเปิลโซดาอร่อยมาก กดกินทุกวันเลย
♡ DAY 2
ตื่นเช้ามาเตรียมพร้อมไป Universal Studio ค่ะ วันนี้ต้องข้ามไปเกาะเซนโตซ่าและอยู่ถึงเย็น
ตอนแรกก็ว่าจะนั่งกระเช้าลอยไป แต่คิดดูแล้วประหยัดหน่อยดีกว่า เลยนั่งรถไฟ Sentosa Express
ข้ามไปกลับแค่คนละ 4 SGD เอง ในขณะกระเช้าลอยฟ้าแพงกว่า จำราคาไม่ได้รู้แต่แพงกว่า 555
แต่ถ้าใครอยากชมวิวตอนข้ามเกาะ นั่งกระเช้าก็น่าจะได้บรรยากาศไปอีกแบบดีนะคะ เรายังอยากนั่งเลยอ่ะ
วิธีการเดินทางไปเกาะเซนโตซ่านะคะ นั่ง MRT ไปลงสถานี Harbour Front
ออกทางออกห้าง Vivo City ทางเข้ารถไฟข้ามเกาะอยู่ชั้น 3 ของห้างนี้ค่ะ
เดินขึ้นบันไดเลื่อนไปเรื่อยๆ ก็จะเจอ สามารถใช้ EZlink แตะได้เลย
มาถึงแล้วค่ะ ถ้าจะไปสวนสนุก USS ก็ต้องลงป้ายที่ 2 ชื่อสถานี Waterfront ค่ะ
ลงมาแล้วก็เดินเข้ามาเรื่อยๆ จะเจอกับลูกโลกที่ใครๆ ก็จะมายืนถ่ายรูปกันตรงนี้
ประตูทางเข้าเปิด 10 โมง ตอนเราไปถึงประมาณ 9.30 ก็เจอคนเข้าแถวรอเยอะเลยค่ะ ก็เลยไปยืนต่อบ้าง
เตรียมตั๋วให้เรียบร้อย พนักงานสแกนแป๊บเดียวก็ได้เข้าแล้วจ้า
อย่าลืมแวะเอาแผนที่สวนสนุกนะคะ จะได้รู้เวลาโชว์กับโซนต่างๆ
เราแนะนำให้เล่นวนขวานะคะ เข้าไปปุ๊ป ผ่าน Hollywood Street แล้วไปขวาเลย
จะชนกับโซน New York เราจะเดินข้ามเอลโม่ไปก่อน เดี๋ยวค่อยกลับมาเล่นค่ะ
จุดมุ่งหมายของทุกคนเหมือนจะพุ่งไปที่ Sci-fi City ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Transformers The Ride นั่นเอง
เราหมายมั่นว่าจะต้องเล่นอันนี้ให้ได้ เพราะไม่ว่าใครก็การันตีว่ามันสนุกมากกกก
เลยได้เข้าที่นี่เป็นเครื่องเล่นแรกค่ะ ดีใจมากคนโล่งงงง เดินๆ เข้าไปจนหางแถว
รอแค่ไม่ถึง 10 นาทีก็ได้เล่นแล้วค่ะ สนุกสมคำล่ำลือจริงๆ ชอบมากกก มันแบบเหมือนเข้าไปอยู่ในหนังเลย
อ่อ ต้องใส่แว่นเล่นด้วยนะคะ เป็นเครื่องเล่น 4D น้ำพ่นเปียกนิดหน่อย ไฟร้อนๆ ก็มา สนุกกก
ถือเป็น attraction ที่ต้องไม่พลาดเลยถ้าได้ไป USS ค่ะ
ในโซนนี้จะมีเครื่องเล่นหวาดเสียวอีกสองรางนะคะ เป็นรางฟ้ากับแดงตัดกัน น่าเล่นมาก
แต่เราไม่ได้เล่นค่ะ ขอผ่านเพราะคนรอแอบเยอะ แล้วก็ต้องฝากของที่ล็อกเกอร์
กลัวต่อแถวเกินเวลาแล้วจะเสียเงิน 5555 งกนั่นเอง ก็เลยเดินต่อไปโซนต่อไปเลย – –
พอเล่นทรานส์ฟอร์เมอร์สเสร็จก็เดินไปต่อกันที่โซน Ancient Egypt โซนนี้มีเครื่องเล่นสองอย่าง
เป็นคล้ายๆ รถรางคุณปู่อันนึง เราไม่ได้เล่นค่ะ อีกอันก็เป็น Roller Coaster ความเร็วสูงและเหวี่ยงมาก
เครื่องเล่น Revenge of the Mummy ต้องฝากกระเป๋าในล็อกเกอร์ด้านข้างค่ะ
ซึ่งจะให้ฝากฟรีแค่ 45 นาทีเท่านั้น ถ้าเกินต้องจ่ายเงินเพื่อนำกระเป๋าออก
เพราะฉะนั้นต้องดูเวลาดีๆ ถ้าเล่นเสร็จแล้วอยากเล่นอีกรอบแต่เวลาที่ล็อกเกอร์จะหมดแล้ว
ก็ต้องเดินไปเอาของออกมาก่อน แล้วก็ทำการฝากใหม่ ก็จะไม่ต้องเสียเงินแล้วว
เครื่องเล่นนี้ถ้าใครชอบเล่นรถไฟเหาะต้องไม่พลาดนะคะ มันเร็ว มันเหวี่ยง มันแรงมากกก สนุกสุดยอดด
เราชอบมาก ชอบแบบโอ้ยยยยย มันส์สุดๆ โดนไปสองรอบค่ะ แฮปปี้มาก แต่แฟนนี่มึนหัวแทบอ้วกเลย 5555
พอพ้นโซนอียิปต์มาก็จะเจอกับโซน The Lost World ของจูราสสิคพาร์คค่ะ
เพลงธีมจูราสสิคพาร์คดังขึ้นพร้อมประตูแบบนี้ ใครเป็นแฟนหนังนี่มีน้ำตาไหลเบาๆ แน่ๆ
ขนาดเราไม่ค่อยได้ดูหรืออินมากเรายังชอบเลยยย ขนลุกกกก
เครื่องเล่นโซนนี้มีสองสามอย่างค่ะ เราไม่ได้เล่นเลยเพราะคนเยอะมากกก อีกทั้งมีเครื่องนึงเปียกด้วย
ไม่ได้เอาชุดกันน้ำไปเลย ไม่อยากเปียกด้วย 5555 เลยเก็บภาพมาอย่างเดียวค่ะ
ร้านขายของที่ระลึก ใครชอบไดโนเสาร์หรือเป็นแฟนเรื่องนี้ เสียทรัพย์กันแน่นอน น่ารักน่าสะสม
เดินมาจนถึงตอนนี้ก็ใกล้เวลาดูโชว์ Water World ก็เลยเดินไปที่แสดงโชว์เพื่อจับจองที่นั่ง
ที่นั่งจะมีสามโซนนะคะ คือด้านบนสุดจะไม่เปียกเลย ช่วงกลางๆ จะมีเปียกบ้างเล็กน้อย
กับหน้าโซนหน้าสุดคือเปียกแน่นอน ยังไงก็เปียก 5555 นักแสดงเอาถังน้ำมาฉีดมาราดเลยแหละค่ะ
จะนั่งโซนไหนก็คิดกันให้ดีก่อนนะคะ 5555 แต่เห็นด้านหน้าๆ เด็กฝรั่งไปนั่งกันเยอะเลย หัวเราะกันสนุกสนาน
โชว์สนุกดีค่ะ เอฟเฟคท์ เสียง ระเบิด ตู้มต้ามจัดเต็มมาก นักแสดงทุกคนเก่งมาก เล่นจริง โดดจริง
เป็นอีกการแสดงที่ตื่นตาตื่นใจ อย่าพลาดนะคะ มีโชว์แค่วันละสองรอบเท่านั้น คือตอน 12.00 น. / 17.00 น.
ดูโชว์เสร็จก็เดินทะลุมาต่อที่โซน Far Far Away เป็นปราสาทของเชร็คและฟิโอน่า
ด้านในปราสาทมี Shrek 4D ดูเป็นหนังสี่มิติขำๆ ค่ะ นั่งพักขา 5555 แอร์เย็นด้วย
พอเสร็จก็ไปต่อเครื่องเล่น Puss in Boots Giant Journey
เป็นรถไฟเหาะรางห้อยที่มีธีมจากการ์ตูน Puss in Boots
ผจญภัยหาไข่ทองคำบนต้นถั่ววิเศษ สนุกแบบเด็กๆ ดีค่ะ
เหวี่ยงพอเสียววูบวาบ เด็กเล่นได้ ผู้ใหญ่เล่นดี
ผ่านโซน Far Far Away ไปจะเจอกับโซน Madagascar เป็นโซนเล็กๆ มีเครื่องเล่นนิดหน่อย
เครื่องเล่น Madagascar: A Crate Adventure จะเป็นเหมือนร่องเรือดูเหตุการณ์ในมาดากัสการ์ภาคแรก
สนุกดีเราชอบอันนี้ 5555 เราเป็นพวกเล่น Ride ที่มันเหมือนในหนังหรือการ์ตูนอ่ะค่ะ ละก็คอยดูรายละเอียด
ที่ทางสวยสนุกทำออกมา เก๋ดี แล้วเครื่องเล่นนี้ก็เก็บรายละเอียดดีมากกก ใครดูมาดากัสการ์อย่าลืมเล่นอันนี้นะ
ส่วนอีกเครื่องเล่นนึงจะเป็นม้าหมุนของคิงจูเลี่ยน ซึ่งไม่ได้เล่นแล้วก็ไม่ได้ถ่ายรูปมา 55555
ทนความร้อนไม่ไหวจริงๆ ต้องซื้อสลัชชี่มะม่วงกินที่โซนมาดากัสก้า
อร่อยมากกก สดชื่น คลายร้อนได้ดีสุดๆ แก้วละ 5 เหรียญ
พอหมดโซน Madagascar ก็จะวนกลับมาเจอกับ Hollywood อีกครั้งค่ะ สั้นมากกก
เราแวะมินเนียนมาร์ทดูของ ถ่ายรูปนิดหน่อยแล้วก็ไปเล่นเครื่องเล่นของ Sesame Street ต่อ
Sesame Street Spaghetti Space Chase เป็นเครื่องเล่นที่ให้นั่งแล้วก็ไหลไปเรื่อยๆ
ดูสตอรี่ไปเรื่อยๆ ค่ะ เรื่องน่าจะเกี่ยวกับสปาเก็ตตี้สักอย่าง อวกาศๆ 55555
เราก็ไม่ได้ฟัง เน้นมองโน้นนี่มากกว่า แต่มีความรู้สึกว่ามันเป็นเครื่องเล่นเด็กน้อยไปนิด
ออกมาก็หาอะไรกินกันหน่อย เป็นร้านพิซซ่า ตั้งอยู่ข้างๆ กับเครื่องเล่นของเซซามี่นี่แหละ
ทีแรกว่าจะไม่กินข้าวในสวนสนุกละค่ะ เพราะงก 5555 แต่ทนหิวไม่ไหวจริงๆ T^T กินเถอะ
ชิ้นใหญ่ กินอิ่มค่ะ รสชาติดีใช้ได้ ราคาก็ตามภาพ เพราะว่าเป็นร้านอาหารในสวนสนุกอ่ะเนอะ
เจอโชว์จากสามสาวเสิร์ฟที่โซนนิวยอร์กกำลังแสดงสดกันอยู่ เสียงดีกันทั้งนั้น
เต้นก็พร้อมเป๊ะ คนมุงดูเต็มเลย เดินดูของที่ระลึกนิดหน่อย แล้วก็เดินเก็บภาพรอบๆ อีกรอบนึง ก็ถึงเวลากลับ
ออกจาก Universal ประมาณหกโมงนิดๆ ฟ้ายังสว่าง เลยนั่งรถไฟต่อไปอีกสถานีนึงเพื่อไปหารูปปั้นเมอร์ไลออนตัวใหญ่
เพราะไหนๆ ก็เสียค่าข้ามเกาะมาแล้ว ก็ขอเจอให้ครบทุกตัวหน่อยแล้วกัน 5555 ตัวนี้ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ค่ะ
เป็นตัวที่เราสามารถขึ้นไปบนเมอร์ไลออนได้ (เสียเงินนะคะ) เราเคยขึ้นแล้วตอนเด็ก รอบนี้เลยไม่ขึ้นอีก
แวะดูแวะถ่ายรูปก็พอใจแล้ว อิอิ หลังจากนั้นก็นั่งกลับเพื่อจะไปกินบักกุตเต๋กันที่คลาร์กคีย์
ขึ้นมาจากทางออก MRT มองไปฝั่งตรงข้ามก็เจอร้านแบบนี้เลยยย
เราเลือกกินที่สาขา Clarke Quay เพราะว่าทางไปไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องต่อรถเมล์หรืออะไร
คือขึ้นจาก MRT ปุ๊ปก็เจอเลยอะไรแบบนี้ 55555 คนเยอะค่ะเพราะร้านดัง แต่รอไม่นานก็ได้กิน
เราสั่งเป็น Pork Tenderloin จะเป็นเนื้อหมูล้วน ไม่มีกระดูกนะคะ เราแทะไม่เก่งเลยสั่งเป็นไม่มีกระดูกดีกว่า
แล้วก็ผัดผัก Cai Xin ค่ะ เค้ามีผักสามแบบ เราถามว่าต่างกันยังไง เค้าบอกเหมือนกันแหละ – –
ก็เลยถามว่าอันไหนคนสั่งเยอะสุด เค้าชี้อันนี้มา เราก็เออ เอาอันนี้ละกัน 55555
สั่งปาท่องโก๋มากินกับซุปบักกุตเต๋ด้วย อร่อยลืมมมมมมากกกกก
แล้วก็สั่งข้าวมาสองถ้วยค่ะ ซดกับน้ำซุป อร่อยมาก ซุปที่นี่อร่อยมากค่ะ ซดไปสองสามชามเลย
แล้วที่สำคัญ เค้าเติมตลอด ถือกาคอยเติมซุปให้ตลอดค่ะ ขอได้ไม่อั้นเลย ดีงามมากๆ
ค่าเสียหายมื้อนี้ จำไม่ได้ T^T ขอโทษมากๆ ค่ะ คือหิว และลืมถ่ายบิลมา
แต่ทั้งหมดที่สั่งไปไม่เกิน 500 บาทไทยแน่นอน คร่าวๆ น่าจะ 400 กว่าบาทค่ะ
Song Fa Bak Kut Teh สาขา Clarke Quay
การเดินทาง: MRT สถานี Clarke Quay ทางออก E ขึ้นมาแล้วข้ามถนน ร้านอยู่ตรงข้ามสถานีเลยค่ะ
หลังจากอิ่มแล้วก็กลับโรงแรมพักผ่อนค่ะ เมื่อยขาทั้งวัน เพลียร่างมากเพราะตื่นเช้า ไปลุยสวนสนุกนี่เหนื่อยจริงๆ
คืนนั้นหลับเป็นตายทั้งคู่ สลบเหมือดเลยจริงๆ แต่ก็ยังแวะซื้อสเลอปี้กินอยู่นะ อิอิ
♡ DAY 3
วันนี้ตื่นสายค่ะเพราะเพลียจากเมื่อวานมาก เลยไม่อยากรีบตื่นเดี๋ยวกลายเป็นง่วงระหว่างวันเที่ยวไม่สนุก
ตื่นมาปุ๊ปก็ไปหาอะไรใส่ท้องปั๊ป วันที่สาม วางแผนไว้ว่าจะไปเดินเล่นที่ Orchard เสร็จแล้วก็ไปกินข้าวมันไก่
ตอนเย็นก็ไปเดินดูวิวที่ Marina Bay กัน ออกจากโรงแรมมาพื้นเปียก แสดงว่ามีฝนตก แต่ก็ตกไม่แรงนะคะ เบาๆ
ออกจากโรงแรมไปหาข้าวกินกันตรง Waterloo Centre ค่ะ จะมีฟู้ดคอร์ทสะอาดและน่ากินอยู่
ฟู้ดคอร์ทนี้อยู่ในตึก Waterloo Centre ค่ะ ข้างในสะอาด น่านั่ง
และขายอาหารราคาไม่แพงแถมได้ปริมาณเยอะจนอิ่ม
เรากินเซ็ตบะหมี่แห้งหมูแดง จะได้น้ำซุปกับเกี๊ยวมาด้วยสองตัว ทีนี่อร่อยกว่ามื้อแรกที่ไปกินมา
บะหมี่ไม่แข็ง ซอสที่ราดมารสกำลังดี ไม่เค็มไป หมูแดงก็อร่อย ซุปใช้ได้ ราคาแค่ 3.5 SGD
ของแฟนสั่งเป็นบะหมี่ลูกชิ้นปลา ลูกชิ้นและฮื่อก๊วยลอยเต็มชาม
ให้เยอะมาก ที่สำคัญซุปอร่อยค่ะ 3.5 SGD เหมือนกัน
แล้วก็สั่งหอยทอดมากินด้วยกันค่ะ เป็นหอยนางรมทอด มีซอสให้เหมือนบ้านเราเลย
รสก็คล้ายๆ กัน จานนี้ก็ผ่านค่ะ อร่อย แต่เรากินเหลือแป้งเยอะเลยนะคะ พอดีอิ่มจากจานหลัก
แล้วจะให้กินแป้งต่อก็ไม่ไหว 555 เลยกินแต่หอยให้หมดค่ะ
ฟู้ดคอร์ทใน Waterloo Centre
การเดินทาง: ถ้ามาจากสถานี Bugis ทางออก A ขึ้นมาแล้วกลับหลังหัน ให้ข้ามไปฝั่ง Bugis Village แล้วเลี้ยวขวา
แล้วเดินตรงไปจนเจอซอยที่เป็นคล้ายๆ ตลาดนัดเปิดท้าย มีเตนท์ขายของเยอะๆ เข้าซอยนั้นไปเรื่อยๆ จะเจอตึกอยู่ซ้ายมือ
ถ้างงเสิร์ชคำว่า Waterloo Centre ในกูเกิลแมพแล้วเดินตามได้เลยนะคะ อธิบายแบบนี้ค่อนข้างเข้าใจยากหน่อยนึงเนอะ
พอกินอิ่มก็นั่ง MRT ไปเดินเล่นช้อปปิ้งที่ Orchard กันค่ะ
ขึ้นบันไดมาบนห้างเจอ Sephora ช้อปใหญ่ตั้งอยู่ เสียทรัพย์ๆ ตอนที่ไปลดเยอะเหมือนกันนะคะ
คอนซีลเลอร์ Stila เหลือแท่งละไม่กี่เหรียญเอง บัตรสมาชิกที่ไทยใช้กับสาขาสิงคโปร์ได้ด้วยนะ
สถานีนี้อยู่ใต้ห้าง ION Orchard เลย แล้วก็มีทางเดินใต้ดินยาวทั้งเส้นถนนเลยค่ะ มีทางออกทุกห้าง
แอบแวะซื้อไอติมตัดเวเฟิลแสนฮิตของที่นี่ ใครมาก็ต้องซื้อกิน ราคาน่ารักไม่แพง
อร่อยด้วย 1.2 SGD เท่านั้นเอง ไอติมแบบนี้หาได้ทั่วไปเลยค่ะตามถนน
แต่ที่เห็นขายกันเยอะๆ หลายร้านก็น่าจะอยู่ที่ออร์ชาร์ดนี่แหละ
เดินเล่นจนเมื่อยขา เราแอบไปแวะกินสตาร์บัคแล้วก็นั่งพักอยู่ครู่นึง เพื่อรอเวลาร้านข้าวมันไก่ที่จะไปกินเปิด
พอใกล้เวลาห้าโมงเย็น ก็ออกจากออร์ชาร์ดเพื่อไปสถานี Boon Keng เพื่อไปกินข้าวมันไก่ Boon Tong Kee กัน
ไปถึงประมาณ 4 โมง 50 ประตูยังไม่เปิดเลยค่ะ ก็ยืนรอกันไป เพราะร้านเปิดห้าโมง
ขนาดไปก่อนเวลา ก็ยังมีคนสิงคโปร์มายืนรอกินเหมือนกันหลายคนเลย พอ 5 โมงร้านก็เปิดตรงเวลา
Boon Tong Kee สาขาสถานี Boon Keng นี่จะเปิด 2 เวลาตามในรูปเลยนะคะ
ส่วนสาขาอื่นๆ สามารถเช็คได้ในเว็บไซต์จะชัวร์มากกว่า
พอร้านเปิด เราก็ได้โต๊ะในสุดริมกระจก วิวดีเชียว พอนั่งปุ๊ป ถั่วก็มาปั๊ป 5555 อันนี้กินได้เลยนะคะ
เค้าชาร์จเงินเราแต่แรกแล้ว ถึงไม่กินก็ต้องจ่ายค่าถั่วอยู่ดี รสชาติก็ถั่วต้มหวานๆ อร่อยดีค่ะ
โต๊ะว่างได้ไม่นาน สักพักก็มีลูกค้าเดินเข้ามานั่งเรื่อยๆ ไม่ขาดสายเลยค่ะ ไม่เห็นนักท่องเที่ยวเลยด้วย
เท่าที่เห็นเป็นคนท้องถิ่นนะคะ คนที่มายืนรอร้านเปิดกับเราก็ซื้อกลับบ้านกันก็มีค่ะ นักธุรกิจมากินคนเดียวก็มี
เมนูถ่ายมาประมานนี้
ซอสสูตรของทางร้าน อร่อยมากกก เอามาผสมกันแบบนี้นะคะ กินกับไก่ อร่อย
เราสั่งไก่จานเล็กไปค่ะ จานละ 10 SGD เนื้อไก่ชิ้นหนา นุ่ม ไม่มันเลี่ยน น้ำที่ราดมาก็อร่อย กลมกล่อม โอ๊ย อยากกินอีกกก
แล้วก็สั่งผัดมะเขือยาวไป (Fried Eggplant with Sambal) จานละ 11 SGD
จานนี้อร่อยมาก อร่อยมากกกก เครื่องแน่น รสเข้มข้น มาเต็มมากๆ คลุกกับข้าว อร่อยลืมมม
ถ้าได้ไปกินร้านนี้ มีโอกาสก็อยากให้ลองสั่งดูนะคะ อร่อยมากจริงๆ ชอบบบบ
ข้าวมัน 2 ถ้วยค่ะ ตอนแรกจากที่ไม่ค่อยหิวกัน คิดว่าข้าวเหลือแน่ๆ
เจอผัดมะเขือไป หมดจ้าาา แฟนสั่งเพิ่มอีกถ้วยด้วยนะ 555
ค่าเสียหายในมื้อนี้ ราคาค่อนข้างสูง แต่เอาจริงๆ ถ้าเทียบคุณภาพอาหารกับรสชาติเราว่าไม่แพงเลยนะ
ปล. ที่เลือกสาขานี้เพราะเดินทางง่ายที่สุดแล้วค่ะ
MRT ต่อเดียวไม่ต้องไปต่อรถเมล์หรืออะไรวุ่นวาย หาร้านง่ายด้วย
Boon Tong Kee สาขาสถานี Boon Keng
การเดินทาง: สถานี Boon Keng ทางออก B เดินขึ้นมาเลี้ยวขวา
เจอตึกเลข 34 สีฟ้า (ตามรูปด้านบน) ร้านอยู่ใต้ตึกนั้นค่ะ หาง่ายมาก
อิ่มหนำสำราญจากข้าวมันไก่สิงคโปร์ต้นตำหรับ ก็นั่ง MRT ไปลงสถานี Bay Front เพื่อชมวิวริมน้ำกัน
ออกมาจากสถานีจะเจอกับห้าง Marina Bay Sands มีช็อปแบรนด์เนมมากมายครบครับอยู่ในนี้ค่ะ
ใครอยากได้รุ่นไหน หาแบรนด์อะไร อยู่ในนี้น่าจะครบนะคะ ช็อป Prada มีตั้ง 3 ชั้นนน
ออกมาด้านนอก เป็นลานโล่งๆ ชมวิวอ่าวมาริน่า มองเห็นเมอร์ไลออนพ่นน้ำอยู่ลิบๆ
เก็บภาพวิวช่วงเย็นเสร็จก็เดินขึ้นไปถ่ายวิวมุมสูงบ้าง
เราเดินขึ้นไปจากในห้างค่ะ เป็นทางที่ไป Garden by the Bay ได้ด้วย
โรงแรม Marina Bay Sands โดดเด่นเป็นสง่ามากๆ อยากพักที่นี่บ้างถ้ามีเงินมากพอ 5555
เดินผ่านด้านในมองเห็นห้องพักมากมาย ห้องเยอะมากค่ะดูจากหน้าต่างด้านนอกนะ
สิงคโปร์ฟลายเยอร์อยู่ตรงโน้นน
เดินมาจนถึงใกล้ Garden By the Bay ถ่ายรูปนิดหน่อยแล้วก็กลับลงไปข้างล่างเพื่อเตรียมเดินเก็บวิวไปอีกฝั่ง
กลับลงมาอีกทีฟ้าก็เริ่มมืด ตกใจมากออกมาท้องฟ้าไล่สีเป็นโทนม่วง สวยมากกกก
ไม่ต้องใช้ฟิลเตอร์อะไรเลย สวยมากๆ เห็นด้วยตาตัวเองแล้วมันสวยมากจริงๆ ในรูปนี้สวยไม่ถึงครึ่งของของจริงเลยค่ะ
พอฟ้ามืดสนิท เราก็เตรียมเดินวนไปทางขวาของห้างมาริน่าเบย์แซนด์ส
เพื่อข้ามสะพาน Helix เพื่อเดินวนไปถ่ายสิงโตพ่นน้ำค่ะ
เจอ DC Cafe’ ด้วย ของสวยๆ น่าสะสมเพียบบบบ แต่เราไม่ใช่แฟนดีซี ใครชอบน่าจะถูกใจมากทีเดียวค่ะ
Helix Bridge เป็นสะพานเกลียวๆ ประดับไฟ ถ่ายตอนกลางคืนจะสวยมากๆ
พอลงสะพานแล้วจะเห็นวิวของฝั่ง Marina Bay จากอีกฝากนึง ซึ่งมันสวยมาก
ประทับใจวิวกลางคืนที่สิงคโปร์มากค่ะ มันสวยตราตรึงไปหมดดดด ภาพสวยแล้ว ของจริงสวยกว่าค่ะ
วันที่เราไป ตรงใกล้ๆ ตึก Esplanade มีคอนเสิร์ตฟรี เป็นเฟสติวัลเลย คนเยอะแต่เป็นระเบียบมาก
เจอรถเข็นร้าน Old Change Kee เคลื่อนที่ เลยจัดอีกสักหน่อย ชอบลูกชิ้นปลากับปลาหมึกชุบแป้งทอดมาก
ใครเจอ Old Chang Kee ที่ไหนอย่าลืมแวะซื้อแวะลองนะคะ แนะนำ
เดินเลยตึก Esplanade หรือตึกรูปทุเรียนมา 555 ก็ใกล้ถึง Merlion พ่นน้ำแล้วค่ะ
ข้ามสะพาน Jubilee ปุ๊ปก็ถึงปั๊ป นักท่องเที่ยวเยอะตามคาด
เพราะเป็นจุดถ่ายรูปและซิกเนเจอร์ของสิงคโปร์เนอะ
มีเจ้าตัวเล็กพ่นน้ำอยู่ข้างหลังด้วยนะ 5555 ทริปนี้เจอครบทุกตัวเลยค่ะ ตั้งแต่ตัวเล็กสุดไปยันตัวใหญ่สุด
หลังจากชมการแสดงไฟรอบ 3 ทุ่มจบจากฝั่ง Merlion เราก็เดินทางกลับโรงแรมกัน
เป็นวันชิลๆ ในสิงคโปร์ที่แฮปปี้ดีค่ะ ประทับใจวิวมาก อาจจะเพราะไม่ได้ไปนานแล้ว แถมตอนนั้นเด็กสุดๆ
เลยรู้สึกเหมือนได้ไปใหม่อีกครั้ง เหมือนครั้งแรกด้วยซ้ำ เพราะตอน 9 ขวบนี่ไม่ค่อยมีความทรงจำมากมายนัก
คืนนั้นหลับฝันดีเชียววว แถมซื้อพิซซ่า Domino กลับมากินห้องอีก อร่อย 555555
♡ LAST DAY
ตื่นเช้ามาเก็บของเตรียมเช็คเอาท์ ฝากกระเป๋าไว้โรงแรมแล้วก็ออกไปเก็บตกช้อปปิ้งกันเล็กน้อย
วันนี้จริงๆ ไม่มีอะไรแล้วค่ะเพราะวันสุดท้าย (ที่ผ่านมาก็เหมือนไม่ค่อยมีอะไร T^T 555555)
ประทับใจโรงแรม Hotel NuVe ตรงที่ทำเลดีมาก สภาพแวดล้อมสงบสวยงาม ไม่วุ่นวาย ปลอดภัย
มีเซเว่นใกล้ๆ ร้านอาหารรอบๆ ก็มีให้เลือกเยอะ แม้ขนาดห้องจะเล็ก แต่ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเราเลยเพราะห้องสะอาด
นอนสบาย สตาฟน่ารัก ให้คำแนะนำดีมาก ทุกคนเลยค่ะ ไปครั้งนี้เจอสตาฟ 3 คน เป็นคนไทยคนนึง
อีกสองคนน่าจะเป็นคนจีนสิงคโปร์ ทุกคนยิ้มแย้ม เต็มใจตอบคำถาม เซอร์วิสมายด์มากๆ แต่กำแพงแอบบางนะคะ
ข้างห้องทำอะไรได้ยินหมดเลยค่ะ 5555 แต่ว่าไม่ค่อยได้อยู่ห้องนอกจากตอนกลางคืน เราโอเคกับตรงนี้ค่ะ
เดินทะลุซอยหลังโรงแรมมาเรื่อยๆ ก็เจอห้าง Capita Mall (เป็นส่วนนึงของ Bugis Junction)
ลงใต้ดินไปจะเจอชั้นของกิน เต็มไปด้วยร้านอาหาร
ซูเปอร์มาร์เก็ต หลากหลายเลย (อย่าลืมแวะมาหาของกินนะ)
เราเริ่มมื้อแรกของวันนี้ด้วยร้านดัง Ya Kun Kaya Toast ค่ะ
เป็นขนมปังปิ้งไส้สังขยา สั่งเป็นเซ็ตจะได้ชานมกับไข่ลวกมาด้วย เซ็ตละ 4.8 SGD ค่ะ
ถ้าเปลี่ยนเป็นชานมเย็นเพิ่มเงินนิดหน่อย แต่จำราคาไม่ได้ว่าเพิ่มเท่าไหร่ แหะๆ
ร้านนี้หาสาขาได้ทั่วไปค่ะ หรืออาหารแนวหนมปังปิ้ง ไข่ลวก
ร้านอื่นๆ ก็มีขายเช่นกันนะ เป็นอาหารเช้าสไตล์สิงคโปร์ หากินไม่ยากค่ะ
หลังจากนั้นเราก็เดินเล่นช้อปปิ้งต่ออีกนิดหน่อย ก็กลับโรงแรมไปเอากระเป๋ามาเตรียมไปสนามบินแล้วค่ะ
เพราะว่าบินไฟลท์กลับตอน ทุ่มกว่าๆ ต้องไปถึงสนามบินก่อน 3 ชั่วโมง
หลังจากนั้นก็กลับถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพด้วย Jetstar เหมือนเดิมมม
สรุปโดยรวมทริปนี้ เราชอบและแฮปปี้ค่ะ สิงคโปร์เป็นประเทศที่สะอาด ผู้คนน่ารัก อาหารอร่อย
วิวสวย (มากกกก) คนชอบถ่ายรูปต้องสนุกแน่เลยถ้ามาที่นี่ ที่สำคัญตั๋วเครื่องบินโปรออกบ่อยมาก
และราคาไม่แพง 5555 บินก็ใกล้ค่ะ แป๊บเดียวก็ถึง เที่ยวง่าย รถเมล์ รถไฟใต้ดินทั่วถึง
รู้สึกเป็นเอเชียที่ได้ฟีลตะวันตก ผู้คนพูดอังกฤษ มีคนหลากหลายชาติ
สนุกและชอบมาก มีโอกาสจะกลับไปอีกบ่อยๆ แน่นอนเลยยยย
ขอลากันไปด้วยภาพนี้นะคะ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่ะ ไว้เจอกันใหม่ทริปหน้าค่าา
สรุปค่าใช้จ่ายคร่าวๆ
ค่าใช้จ่ายรวมของ 2 คนนะคะ
ค่าตั๋วเครื่องบิน: 3,208 x 2 = 6,416 บาท
ค่าโรงแรม 3 คืน: 6,953 บาท
แลกเงิน: 10,000 บาท (รวมค่ากิน ค่าเดินทาง ค่าซิมการ์ด ค่าบัตร ezlink รวมทุกอย่างในทริปเลยค่ะ)
รวมทั้งหมดทริปนี้ 2 คนใช้ไป 23,369 บาทค่ะ
(หารออกมาต่อ 1 คนจะเท่ากับ 11,685 บาท)
สิงคโปร์ถ้าไม่ได้กินตามร้านอาหารทุกครั้ง หรือกินหรูมาก
แลกไปคนละ 5,000 แบบเราก็รอดนะคะ ขนาดเราก็ไม่ได้ประหยัดเว่อร์มากมาย
เนื้อหาทั้งหมดในโพสต์นี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของเราเท่านั้น หากมีข้อผิดพลาดใดๆ ต้องขออภัยด้วยค่ะ
ติดตามรีวิวร้านอาหาร ของกิน ที่เที่ยว ที่พัก และไลฟ์สไตล์อื่นๆ ได้ที่ facebook.com/twinklebabystyle นะคะ ❤️
Disclaimer: This post is NOT sponsored. All opinions are my own.