ปลายปี 2019 ที่ผ่านมา เราได้มีโอกาสไปที่ระยองเป็นการพักผ่อนช่วงปีใหม่ล่วงหน้ากับครอบครัวค่ะ
ซึ่งระยองก็เป็น Destination โปรดของเราอยู่แล้ว เพราะทะเลสวยสงบดี ไม่พลุกพล่าน
คนไม่เยอะมากเมื่อเทียบกับเมืองท่องเที่ยวอย่างพัทยาหรือหัวหิน ยิ่งในช่วงเทศกาลยิ่งอยากเลี่ยงสถานที่คนเยอะ
เพราะมันจะทำให้เที่ยวไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่ ทริปจะน่าเบื่อได้ค่ะ
ไม่อนุญาตให้นำรูปภาพและเนื้อหาทั้งหมดภายในเว็บไซต์ไปดัดแปลง ทำซ้ำ หรือเผยแพร่ต่อโดยเด็ดขาด
ก็เลยตัดสินใจว่าระยองนี้แหละ แม้คนจะเยอะกว่าช่วงปกติที่เคยมา แต่ก็ไม่แออัดเท่าจังหวัดฮิตๆ แน่นอน
พอได้สถานที่ปุ๊ป ก็จัดการหาโรงแรมกัน ตอนแรกก็กดดูทุกที่ที่เคยไปพักมา ทั้งแมริออทเอย เซนทาราเอย
แมริออทราคาพุ่งมาก ราคาไม่สู้ เพราะใกล้ช่วงเทศกาลปีใหม่ด้วย ส่วนเซนทาราห้องเต็มเพราะเราจองล่วงหน้าไม่นาน
เลยมาลองกดที่ Aksorn Rayong, The Vitality Collection ผ่าน booking.com
ได้ราคามาคืนละ 4,5xx บาท ห้องไทพ์ Deluxe Balcony ราคานี้ก็ถือว่าแอบสูงนิดนึงสำหรับมาตรฐานของเรา
แต่ด้วยความที่จองก่อนแค่เดือนเดียว แล้วก็ติดหยุดยาวด้วย สุดท้ายก็ตัดสินใจจองค่ะ
เพราะโรงแรมอื่นๆ ในระดับเดียวกันก็ราคาสูงกว่านี้อีก ราคานี้รวมอาหารเช้าแล้วด้วย ถือว่ารับได้ 555
ที่นี่ห้องพักไม่เยอะมาก เลยทำให้แขกไม่ได้เยอะจนน่าอึดอัด มีตอนกินอาหารเช้านิดหน่อยที่เจอคนเยอะ
นอกนั้นโอเคเลยแหละ เดี๋ยวยังไงไปอ่านรีวิวเลยดีกว่าค่ะ มีสรุปสิ่งที่ชอบไม่ชอบด้านล่างด้วยน้าาา
โรงแรม Aksorn Rayong, The Vitality Collection
อยู่ในอำเภอแกลง จังหวัดระยอง ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากสวนพฤกษศาสตร์ระยอง
การตกแต่งของที่นี่จะเน้นความเป็นไทยร่วมสมัยค่ะ เทียบกับโรงแรมในระแวกเดียวกัน
ที่นี่ถือว่าการตกแต่งโดดเด่นออกมาเลย จริงๆ เด่นตั้งแต่หน้าโรงแรมแล้ว พอขับรถมาเทียบ
จะเห็นทางเข้าล็อบบี้เป็นหลังคาทรงศาลาไทยค่ะ ตอนกลางคืนเปิดไฟสวยงามทีเดียว
Cr. รูปจากเว็บไซต์ของทางโรงแรมค่ะ พอดีมุมนี้ไม่ได้ถ่ายไว้
เพราะถ้าจะถ่ายต้องเดินออกไปกลางถนน แอบไม่ปลอดภัยเลยไม่ได้ถ่ายมา 555
เวลคัมดริงค์และผ้าเย็น มาเป็นน้องกระต่ายแบบนี้ น่ารักมากกก ระหว่างรอเช็คอินก็ดื่มน้ำไป สดชื่นนนน
แต่รอห้องแอบนานอยู่นะคะ ทั้งที่เลยบ่ายสามแล้ว พนักงานขอโทษแล้วขอโทษอีกที่ช้าเพราะเป็นช่วงแขกเข้าออกเยอะ
แต่ก็เข้าใจได้เพราะว่าเป็นช่วงหยุดยาว โรงแรมไหนก็คนเยอะเป็นธรรมดาค่ะ รอห้องประมาณ 10 กว่านาที
ฟร้อนท์ก็มาแจ้งว่าได้ห้องนึงก่อน ให้ขึ้นไปรอที่ห้องเลย แล้วเดี๋ยวอีกห้องได้แล้วพนักงานจะนำคีย์การ์ดมาให้
บรรยากาศระหว่างการเดินไปห้องพัก เราได้พักตึกขวา ซึ่งเป็นตึกเดียวกับห้องพัก Pool Access ค่ะ จองมา 2 ห้อง
ระหว่างเดินไป พนง.ก็อธิบายโซนต่างๆ ไปด้วย เรื่องสระว่ายน้ำ ห้องอาหารเปิดปิดกี่โมง สปาฟิตเนสบลาๆ
โรงแรมนี้มี 4 ชั้นเองค่ะ แล้วก็มีเป็นห้องแบบศาลาไทยที่อยู่ด้านติดทะเล แม้โรงแรมจะไม่ใหญ่ แต่มีห้องพักหลากหลายแบบให้เลือกอยู่นะ
เราได้พักชั้น 4 ออกจากลิฟท์มาก็เจอกำแพงลวดลายไทยแบบนี้ ดูสวยขลังไปอีกแบบนะ
จริงๆ เราไม่ค่อยชอบพักโรงแรมที่แต่งสไตล์ไทยๆ เพราะตอนเด็กๆ กลัวพวกหุ่นเชิด หัวโขนอะไรแบบนี้มาก
เลยเลี่ยงไปเลย แต่รอบนี้โอเคนะคะ ไม่น่ากลัวเกินไป ยังมีความโมเดิร์นอยู่ด้วย
มาทัวร์ห้องพักกันค่ะ ถ่ายมาแบบเดียวนะเพราะจองมาไทพ์เดียวกันหมดคือ Deluxe Balcony เป็นห้องดีลักซ์ที่มีระเบียงค่ะ
(โรงแรมนี้จะมีห้องดีลักซ์ที่ไม่มีระเบียงด้วย ราคาจะถูกลงกว่านี้ แต่ในห้องจะเหมือนกันทุกอย่าง)
ขนาดห้องค่อนไปทางเล็กเลยแหละ พื้นที่เหลือแค่ทางให้เดินไประเบียงเท่านั้นค่ะ
ใครชอบห้องกว้างๆ แบบกลิ้งเล่นได้ คงไม่ค่อยถูกใจนัก เตียงไม่ค่อยนุ่มมาก
แต่พ่อกับแม่บอกนอนสบาย แต่เราแอบคิดว่าแข็งไปหน่อย ต้องเอาหมอนมาก่ายดันหลังไว้ไม่งั้นปวดหลัง
เรียกได้ว่าพื้นที่ข้างเตียงแทบเดินไม่ได้เลยค่ะ ส่วนเตียงฝั่งระเบียงจะมีพื้นที่มากกว่าหน่อย เพราะมีโต๊ะข้างเตียงตั้งอยู่ด้วย
น้ำเปล่าโทรขอได้เรื่อยๆ ไม่มีจำกัดค่ะ ถือเป็นข้อดีเลยเพราะโรงแรมส่วนใหญ่ให้วันละสองขวด
มินิบาร์ที่กินได้แบบไม่มีค่าใช้จ่าย ตรงนี้พนักงานก็บอกว่าโทรขอได้เรื่อยๆ เหมือนกันนะคะ
ส่วนในตู้เย็นมีค่าใช้จ่ายค่ะ
มาดูระเบียงกันบ้าง ระเบียงจะกินพื้นที่ในห้องมาพอสมควรเลย ทำให้ห้องแคบอย่างที่เห็น
ซึ่งตรงนี้ถ้าใครจองห้องดีลักซ์ธรรมดา ก็จะได้พื้นที่ภายในห้องพักเยอะกว่าแบบมีระเบียงค่ะ
ซึ่งก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันเนอะ มีระเบียงมันก็ได้อีกบรรยากาศนึง ตากผ้าเปียกได้ด้วย ส่วนถ้าไม่มีระเบียง
ก็จะได้พื้นที่ใช้สอยในห้องพักเพิ่มขึ้นมาอีกค่ะ เพราะส่วนของระเบียงจะกลายเป็นห้องพักเรานั่นเอง
ชะโงกออกไปเห็นวิวทะเลอยู่หลัดๆ ลมพัดตลอด อากาศดีเลยแหละ
ตึกตรงข้ามก็เป็นห้องพักเหมือนกันค่ะ เพียงแต่จะไม่มีไทพ์ Pool Access
มาดูห้องน้ำกันบ้าง
อ่างล้างมือและชักโครกจะอยู่ติดกัน เหมือนจะแคบแต่เอาจริงๆ ตอนใช้งานก็ไม่มีปัญหาติดขัดอะไรนะ
ในห้องอาบน้ำตกแต่งด้วยกำแพงสีทึบ สวยแปลกตาดีค่ะ มีฝักบัวให้ ไม่มีเรนชาวเวอร์
น้ำไหลแรงแต่น้ำอุ่นไม่เสถียรเท่าไหร่ แอบผิดหวังนิดนึง โรงแรมระดับนี้น่าจะติดเรนชาวเวอร์ให้ด้วย
ส่วนตัวคิดว่าถ้ามี จะทำให้โรงแรมดูสมบูรณ์กว่านี้ค่ะ
Amenities เป็นฉลากของโรงแรมเอง ไม่ได้ลองใช้นะคะ ส่วนใหญ่เวลาเดินทางจะชอบพกไปเอง
แปรงสีฟัน ที่โกนหนวด ในซองเล็กๆ ไม่แน่ใจว่าคืออะไรเหมือนกัน ไม่ได้แตะเลย น่าจะหมวกอาบน้ำนะ
ที่นี่ตู้เสื้อผ้าจะอยู่ในห้องน้ำค่ะ ตอนแรกคิดว่าแปลกนิดหน่อย แต่พอได้ใช้งานจริง เออสะดวกอ่ะ
อาบน้ำเสร็จก็แต่งตัวได้เลย ไม่ต้องออกไปข้างนอกหรือหิ้วเสื้อผ้าเข้ามาวางในห้องน้ำ
โดยเฉพาะถ้าไปกับเพื่อนหรือพี่น้องคนละเพศ จะออกไปแต่งตัวข้างนอกก็แปลกๆ ใช่มะ
บีชแบ็ค ไดร์เป่าผม ถุงซักรีดต่างๆ มีครบตามมาตรฐานโรงแรม 4 ดาวจ้า
รองเท้าแตะก็มีให้ค่ะ ใส่ไปทะเลได้ ไปสระว่ายน้ำ
ด้านข้างเตียงขวา จะมีนาฬิกาปลุกด้วยค่ะ แต่เราไม่ได้ใช้งาน
มาดูรอบๆ โรงแรมกันบ้าง สระว่ายน้ำที่นี่มี 2 สระ สระแรกคือตรงนี้ค่ะ เป็นสระสำหรับแขกห้อง Pool Access เท่านั้น
ใครที่ไม่ได้จองห้องพักไทพ์ริมสระมา ก็จะไม่สามารถลงว่ายได้ค่ะ ต้องไปว่ายสระรวมที่หน้าทะเลแทน
ทางเดินระหว่างด้านหน้ามายังชายหาด โรงแรมจะเป็นแนวตรงแบบนี้ พื้นที่ด้านกว้างเลยมีไม่มากเท่าไหร่
สระว่ายน้ำรวมจะตั้งติดกับทะเลแบบนี้เลย บรรยากาศช่วงเย็นคือดีมากค่ะ
วิวดี ลมเย็น เหมาะแก่การพักผ่อนที่สุด ตอนไปมีแขกมานั่งริมทะเลเต็มเลยค่ะ
ตรงนี้ก็จะมีเตียงริมสระให้นอนชิลๆ ได้
มีรูปปั้นกินรีขี่เต่าเด่นเป็นสง่าอยู่ริมสระด้วย
เป็นจุดที่ใครมาก็ถ่ายรูปค่ะ 55555 (ว่าแต่นางใช่กินรีป่าวอ่ะ ไม่แน่ใจเลย)
โรงแรมจัดพื้นที่นั่งชิลแบบนี้ไว้ด้วยนะคะ สำหรับใครที่ไม่ได้อยากลงเล่นทะเล แต่อยากนั่งซึมซับบรรยากาศ
ตรงนี้น่าจะเป็นลานเอาไว้จัดกิจกรรมต่างๆ ได้ สำหรับกรุ๊ปทัวร์หรือแขกที่ต้องการใช้
หาดระแวกนี้ทรายละเอียด น้ำสีฟ้า รอบๆ โรงแรมไม่มีร้านอาหารหรือที่พักอื่น เลยทำให้หาดตรงนี้มีแต่แขกโรงแรมค่ะ
ถ่ายจากทะเลมองเข้าไป มีความคอนทราส เรือนไทยริมทะเล สวยแปลกตาดีเหมือนกันนะ
พระอาทิตย์ตกสวยๆ แบบนี้ อยากได้วิวแบบนี้มาไว้ที่บ้านทุกวันเลย
ที่นี่เค้าเน้นเรื่องของ Wellness หรือความสุขสมบูรณ์ของร่างกายและจิตใจ
สปาของที่นี่จะมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวค่ะ โดยเฉพาะการบำบัดด้วยทรายร้อน
ถือเป็นไฮไลท์เลยก็ว่าได้ พนักงานแนะนำว่าการอาบทรายหรือ Sand Bath จะช่วยขับสารพิษในร่างกาย
ลดความเครียด กระตุ้นระบบเผาผลาญ ทรายที่เค้านำมาให้อบ มาจากหินภูเขาไฟค่ะ
ก็คือดูดีมากกก อยากทำมาก แต่ไม่ได้ใช้บริการ เสียดายจัง
รูปจากเว็บไซต์โรงแรมนะคะ เราไม่ได้ใช้บริการสปา
เลยไม่ได้เข้าไปถ่ายด้านในค่ะ แต่จะเป็นบ่อให้ลงไปอบแบบนี้เลย
ฟิตเนสที่นี่ไม่ใหญ่มาก แต่ก็มีเครื่องให้เล่นตามมาตรฐานค่ะ
ทางเดินมาห้องอาหารที่ตั้งอยู่ด้านหน้าโรงแรม มีกำแพงสวยๆ พร้อมท่าฤาษีดัดตนบอกตลอดทาง
มารีวิวอาหารเช้ากันนนน ห้องอาหารที่นี่มี 2 ห้องค่ะ ห้องแรกจะอยู่ติดกับล็อบบี้
ชื่อห้องอาหาร Accent ส่วนอีกที่จะอยู่ริมทะเลชื่อห้องอาหารกวี
(รูปนี้ถ่ายตอนบ่ายๆ นะคะ ช่วงเช้าคนมาใช้บริการเยอะเต็มทุกโต๊ะเลยไม่สะดวกในการถ่ายภาพค่ะ)
เริ่มที่โคลด์คัท มีชีสและโบโลน่าให้เลือกหลายแบบอยู่ค่ะ
ส่วนนี้เราไม่ได้กินนะ ไม่ค่อยกินโคลด์คัทตอนเช้าเท่าไหร่ 5555
อาหารในไลน์เราถ่ายรวมสองวันนะคะ เพราะวันแรกกับวันสองมีเมนูอาหารไทยที่ต่างกันออกไปด้วยค่ะ
เขียวหวานอร่อยมาก เรากินกับข้าวผัดสัปปะรด ผัดผักและผักพริกหยวกไม่ได้ชิมค่ะ
ที่นี่บอกแคลอรี่ทุกอย่างเลย เหมาะมากสำหรับคนควบคุมน้ำหนักอยู่
สลัดบาร์หลากหลายมากค่ะ น้ำสลัดก็มีให้เลือกค่อนข้างเยอะ
ไส้กรอกหมู ไส้กรอกไก่ เบค่อนที่นี่ไม่ได้ทอดกรอบมาแหละ
เป็นแบบจี่ในกระทะให้พอสุก เราชอบแบบนี้มากกว่าแบบทอดเกรียมค่ะ
สเตชั่นก๋วยเตี๋ยว เป็นก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นหมูล่ะ
มีเส้นให้เลือกสามแบบค่ะ เส้นเล็ก เส้นหมี่ เส้นใหญ่
ขนมปังต่างๆ
ครัวซองก็อร่อยดีนะ
ข้าวต้ม ไข่ลวก แล้วก็สเตชั่นไข่ สามารถสั่งทำออมเล็ต สกรัมเบิลเอ้กได้ตรงนี้
ตรงนี้จะเป็นโซนสำหรับคนรักสุขภาพ จะมีผลไม้ให้เราปั่นแยกกาก ทำน้ำผลไม้สดๆ กินเองได้ด้วย
เลือกได้เลยอยากกินอะไร จับใส่เครื่องโลดดดด ชอบนะ ไม่ค่อยเห็นที่ไหนให้ทำเองแบบนี้เลย
ส่วนตรงนี้เป็นโซนที่เค้าคั้นน้ำมาให้เราแล้ว เทดื่มได้เลยค่ะ ไม่ต้องเหนื่อยคั้นเอง 55555
สรุปรวมๆ หลังจากเข้าพัก มีที่ชอบและประทับใจเยอะกว่าที่คิดไว้ค่ะ การบริการและมาตรฐานโรงแรมทำได้ดีมาก
ไม่ค่อยมีอะไรขาดตกบกพร่องหรือทำให้อารมณ์เสีย แม้จะเป็นช่วงพีค แขกเข้าพักเต็มทุกห้อง แต่ทางโรงแรมจัดการดีมาก
ปกติเราจะกลัวการเที่ยวช่วงวันหยุดหรือเทศกาลมากก แต่ได้พักที่นี่แล้วไม่รู้สึกแย่กับการเที่ยวช่วงเทศกาลเลยค่ะ
ไม่รู้เพราะว่าโรงแรมเค้าไม่ได้ใหญ่มาก ห้องพักไม่เยอะด้วยรึเปล่า เลยทำให้ไม่รู้สึกแออัดหรือเจอแขกเยอะแยะเกินไป
คิดว่าถ้ามีโอกาสจะกลับมาพักที่นี่อีก ส่วนตัวชอบระยองเป็นทุนอยู่แล้ว นี่ก็เหมือนได้โรงแรมที่ประทับใจเพิ่มมาอีกที่ค่ะ
ที่ติก็คงมีแค่เรื่องเช็คอินช้าแม้ว่าเราจะมาหลังเวลาที่กำหนดแล้ว แต่ด้วยช่วงเทศกาลก็พอเข้าใจได้ค่ะ อีกอย่างก็ห้องแคบไปหน่อย
กับไม่มีเรนชาวเวอร์ 5555 การอาบน้ำด้วยฝักบัวสายฝนมันสบายตัวมากกว่าแบบปกติจริงๆ นะ ถ้ามีให้จะดีกว่านี้มากเลย
อีกเรื่องที่เป็นข้อด้อยคือที่จอดรถหน้าโรงแรมมีน้อยค่ะ ช่วงเทศกาลต้องไปจอดฝั่งตรงข้าม เพราะรถเยอะ แต่มีรถรับส่งให้ค่ะ
ทะเลที่นี่ดีงาม ทรายละเอียด น้ำไม่ดำ ได้วิวพระอาทิตย์ตกด้วย สวยคุ้มมาก สระว่ายน้ำรวมไม่ได้ใช้บริการ
แต่บรรยากาศน่าว่าย ติดทะเลเลย การบริการของพนักงาน ทั้งที่รีเซบชั่น ห้องอาหาร แม่บ้าน ทุกคนเดินผ่านยกมือไหว้
ยิ้มแย้มให้แขก มีเซอร์วิสมายด์ ชอบตรงนี้ด้วยแหละ ได้ใจแขกที่มาพักไปเต็มๆ ค่ะทริปนี้ แฮปปี้
เนื้อหาทั้งหมดในโพสต์นี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของเราเท่านั้น หากมีข้อผิดพลาดใดๆ ต้องขออภัยด้วยค่ะ
ติดตามรีวิวร้านอาหาร ของกิน ที่เที่ยว ที่พัก และไลฟ์สไตล์อื่นๆ ได้ที่ facebook.com/twinklebabystyle นะคะ ❤️
Disclaimer: This post is NOT sponsored. All opinions are my own.