พาไปบิน EVA AIR กรุงเทพ-ไทเป Economy และ Premium Economy

กลับมารีวิวสายการบินกันอีกครั้งหลังจากที่เมื่อเดือนมีนาคมเราไปเที่ยวไต้หวันมาค่ะ เป็นการไปไต้หวันครั้งแรกของเราค่ะ ตอนแรกก็คิดว่าจะบินสายการบินอะไรดี ดูไปๆ มาๆ ราคาของ EVA Air (อ่านว่า อี-วี-เอ แอร์) ก็ถือว่าไม่แพงมาก มีโปรออกมาเรื่อยๆ

ไม่อนุญาตให้นำรูปภาพและเนื้อหาทั้งหมดภายในเว็บไซต์ไปดัดแปลง ทำซ้ำ หรือเผยแพร่ต่อโดยเด็ดขาด

เป็นสายการบิน Full Service ค่ะ อยู่ในเครือของ Star Alliance เราได้มาที่ราคา 8,xxx ต่อคนค่ะ ถือว่าโอเค เพราะจองก่อนไปไม่กี่อาทิตย์เอง ได้น้ำหนักกระเป๋า 30 โล แต่ว่าเคยเห็นราคาเริ่มต้นไปไทเป 6,xxx ต่อคนก็มีนะคะ ต้องลองจับจ้องโปรโมชั่นกันเรื่อยๆ

การบริการโดยรวม ประทับใจหมดค่ะ แอร์ทุกคนเต็มใจให้บริการ ไม่มีชักสีหน้า ไม่มีทำหน้าหงิกงอเลย รับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ได้ดีและรวดเร็วค่ะ เจอผู้โดยสารงี่เง่าเรื่องมากก็ยังคงยิ้มแย้มอยู่ ถือว่าอดทนเก่งและมีใจบริการมาก

แต่ติดเรื่องเคาท์เตอร์เช็คอินที่สุวรรณภูมินิดหน่อยค่ะ เพราะช้ามากกกกก เข้าใจว่าไฟลท์หลายไฟลท์ แล้วมีทั้งทัวร์ทั้งอะไร เคาท์เตอร์เช็คอินมีน้อย กราวด์จัดการไม่ค่อยดี ปล่อยคนแซงคิว หางแถวรอโหลดกระเป๋ายาวกินที่ไปสองสามเคาท์เตอร์ แล้วไม่แยกคนที่เช็คอินออนไลน์แล้ว กับคนไม่ได้เช็คออนไลน์อีก ตรงนี้งงมาก ปล่อยให้ต่อแถวรวมกันหมดเลย หงุดหงิดจุดนี้มากเลย แบบนี้จะให้เช็คออนไลน์ทำไม

เสียเวลามากค่ะ ขนาดเราไปเผื่อเวลา 4 ชั่วโมงก่อนเวลาไฟลท์ เราเสียเวลากับการเช็คอินเกือบสองชั่วโมง โดยไม่จำเป็นเลย แทนที่เราจะได้เข้าเกทไปนั่งในเลานจ์สบายๆ ต้องมาเสียเวลาไปกับการรอโหลดกระเป๋า

แต่กราวด์ไต้หวัน จัดการดี รวดเร็วไม่มีข้อติอะไรเลย อาจเพราะเป็นต้นทางจากประเทศแม่ด้วย ตอนแรกคิดเลยว่าถ้าจัดการแย่ขนาดนี้คงไม่ได้บิน EVA อีกแน่ๆ แต่การบริการบนเครื่องก็เรียกคะแนนคืนมาได้ค่ะ แต่พูดตรงๆ ว่าเข็ดกับการไปรอคิวเช็คอินที่สุวรรณภูมิมากกก อยากให้ฝั่งไทยจัดการตรงนี้ให้ดีกว่านี้ค่ะ

เอาล่ะ ชมแล้ว บ่นแล้ว คราวนี้ไปดูรีวิวและรูปกันดีกว่าค่ะ ขาไปเรานั่งอีโคโนมีปกติ แต่ขากลับ มีการเปลี่ยนเครื่องจากเดิมต้องบิน A330 กลับ แต่เปลี่ยนเป็น Boeing (จำโมเดลไม่ได้)
เลยได้อัพเกรดจากอีโคโนมี่มาเป็นพรีเมี่ยมอีโคค่ะ โชคดีไปเลย ที่นั่งกว้างสบายกว่ามากๆ


เริ่มกันด้วยการต่อแถวนรกแตกของสุวรรณภูมิ

เสียเวลากับการเช็คอินไปเกือบ 2 ชั่วโมงเต็ม แม้จะมาก่อนเวลาเครื่องออกถึง 4 ชั่วโมง ไม่เคยเจอมาก่อนค่ะ ปกติเรามาล่วงหน้านานๆ ตลอด เพราะเช็คอินเสร็จจะได้มีเวลาไปเดินดิวตี้ฟรี ได้เข้าเลานจ์ ได้กินขนมจุกจิก แต่รอบนี้ทำให้เราใช้เวลาในดิวตี้ฟรีได้แค่สี่สิบนาทีเท่านั้นเอง เอาจริงๆ น่าหงุดหงิดมาก และทำให้การเริ่มทริปหมดสนุกไปเลย เพราะหัวเสียมาก

แต่ตอนรอ Boarding โอเคอยู่ค่ะ ไม่ช้า จัดการได้ดี

ขาไปเราบินไฟลท์ BR206 ค่ะ เครื่องออก 02.15 น. (ตีสองสิบห้านาที) ถึงไต้หวันเช้าพอดี ถือเป็น Red Eye Flight เนอะ บินกับ Airbus330

หูฟังสีเขียวมินท์

มีหมอนให้ด้วย ใบเล็กน่ารัก แต่ไม่ได้ใช้เลย 555

มีไวฟายให้ใช้นะคะ แต่ต้องจ่ายเงินก่อน ราคาก็เอาเรื่องอยู่ ตามประสาบนเครื่องบินแหละ

มาดูอาหารพิเศษกันนนน เราสามารถเข้าไปรีเควสอาหารพิเศษได้ในเว็บของ EVA Air ค่ะ กรอกเลขบุคกิ้งของเราหลังจองตั๋วแล้วก็จัดการบุ้คกิ้ง เลือกอาหารได้เลย

 

แฟนเข้าไปรีเควสเป็น Seafood มา ได้เป็นเมนูบะหมี่ทะเลซอสครีมแบบนี้ น่ากินมากกกกก (ครัวการบินไทย) เราเห็นยังอิจฉา รู้งี้รีเควสบ้าง

สัญญาว่าถ้ารอบหน้าได้บินสายการบินนี้อีกจะรีเควสซีฟู้ดบ้าง

แต่เราชอบการที่ได้เลือกอาหารเองบนเครื่องมากกว่า ก็ไปเลือกบนเครื่องเลย เป็นเมนูปลากับข้าว ให้ชิ้นใหญ่ อร่อยไม่แพ้กัน

จอเป็นรุ่นเก่าค่ะ แต่ก็พอถูพอไถ หนังให้เลือกไม่เยอะมาก แต่ก็ใหม่ระดับนึง มี Fantastic Beast ภาคสองให้ดูด้วยนะ พอตเตอร์เฮดแบบเราไม่พลาด ดูจบก็ถึงที่หมายพอดี

เครื่องแลนดิงไม่นาน ก็ลงมาต่อบัสค่ะ งงเหมือนกันว่าทำไมไม่ต่องวงตรงเข้าเกทเลย ทั้งที่สนามบินก็โล่งมากเพราะเช้ามาก ไหงเป็นบัสเกท 5555

รถบัสจุคนได้พอสมควรค่ะ ไปกันได้หลายคนในหนึ่งเที่ยว

 


คราวนี้มาถึงไฟลท์กลับกรุงเทพกันบ้าง เราไป Intown Check-in แต่บ่ายเลย เพราะขี้เกียจแบกของขึ้นรถไฟไปสนามบิน มันหนัก

ระบบ Intown Check-in เค้ารวดเร็ว ง่ายดาย ทันสมัย ทำได้ด้วยตัวเอง และมีพนักงานรอช่วยเหลืออย่างเต็มใจบริการค่ะ

 

พอเช็คอินโหลดกระเป๋าเราจะได้บอร์ดิงพาสเลย พอถึงสนามบินก็เข้าเกทได้เลยค่ะ ไม่ต้องมารอเคาท์เตอร์เปิดใดๆ

ระหว่างเดินผ่านเคาท์เตอร์เช็คอินที่สนามบินเถาหยวน คนน้อย ชิลๆ คงเพราะเป็นสายการบินหลักของไต้หวันด้วยค่ะ

เข้าไปเดินเล่นในเกท กินนั่นนี่ไม่นาน ก็ไปรอหน้าเกทค่ะ ต้องเช็คดีๆ นะคะ ตอนได้ตั๋วเครื่องบินจากอินทาวน์เช็คอินบอกเกทนึง พอถึงเวลาจริงๆ เกทเปลี่ยนค่ะ

ไฟลท์กลับเป็น BR205 ค่ะ เครื่องออก 20.45 น. ถึงไทยห้าทุ่มกว่าๆ เวลากำลังดี

ขากลับได้อัพเกรดเป็น Premium Eco ด้วยยยยย ที่นั่งสบาย กว้างกว่า ยืดขาได้สุดไปเลยยย

จอสัมผัสง่าย และใหญ่กว่าค่ะ

พื้นที่ยืดขาเหลือๆ เลยยย (ขาแฟนไม่ได้ยาวมากนะคะ แต่ก็ตัวโตอยู่ นั่งสบายๆ)

 

หูฟัง รอบนี้ไม่ใช่สีมินท์แล้ว

เมนูเครื่องดื่มและอาหารค่ะ

แฟนเข้าไปเก็บภาพในห้องน้ำมาให้ค่ะ เพราะเราไม่ได้ใช้บริการเหมือนเดิม ถ้าไม่ปวดหนักหรือปวดมากจริงๆ จะไม่ลุกเลย

ตามมาตรฐานห้องน้ำทั่วไปค่ะ แคบๆ หน่อย 55555

โดยรวมแล้วประทับใจการบริการบนเครื่องและระบบเช็คอินง่ายๆ ที่อินทาวน์เช็คอินค่ะ เพราะเป็นประเทศแม่ของสายการบินด้วยเนอะ เลยสะดวกเป็นพิเศษ อยากให้ที่ไทยมีบ้างจัง ลืมบอกว่าสายการบินนี้โหลดกระเป๋าได้คนละ 30 กก. แทบไม่ต้องกลัวน้ำหนักเกินเลย อัดได้จุดใจแบบชิลๆ ถ้ามีโอกาสและราคาพิเศษ เราคงกดจองแบบไม่ลังเลเลยค่ะ แม้ว่าจะเข็ดกับการเช็คอินที่สุวรรณภูมิก็ตาม คราวหน้าคงต้องไปต่อคิวแรกๆ เพราะเล่นรวมคนเช็คอินออนไลน์กับคนไม่ได้เช็คออนไลน์แถวเดียวกัน ไม่เคยเจอสายการบินไหนทำเลย งงมากก ให้คะแนน 4/5 ค่ะ หักเรื่องการจัดการเช็คอินที่ไทยนี่แหละ ที่เหลือไม่รู้จะติอะไรเลย

หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยนะคะ ยังไงก็ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
เพื่อนๆ สามารถติดตามคอนเทนท์ใหม่ๆ หรือรีวิวอื่นๆ ได้ที่เพจนะคะ facebook.com/twinklebabystyle

Disclaimer: This post is NOT sponsored. All opinions are my own.